โดยสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล
Fund Super Mart Analyst
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
สวัสดีครับ Phillip Fund SuperMart ในเดือนตุลาคม 2555 กำลังย่างเข้าสู่ช่วงปลายปีกันอีกครั้ง และปลายปีแบบนี้ไม่พูดถึงเรื่อง LTF และ RMF กันก็คงจะไม่ได้ นักลงทุนท่านใดที่ยังไม่ได้วางแผนซื้อ LTF/RMF ในปีนี้คงต้องเตรียมตัวทำการบ้านกันได้แล้วนะครับ ซึ่งในเดือนนี้เรามีคำแนะนำทั้งการลงทุน และการเลือกกองทุนเป็นตัวช่วยสำหรับเลือกลงทุนในปีนี้ เริ่มด้วย LTF กันก่อน เป็นอีกปีที่ยากลำบากในการตัดสินใจซื้อ LTF เมื่อดัชนี SET Index ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทำจุดสูงสุดใหม่ไม่ยอมลงมาให้ได้ซื้อกันซะที เชื่อว่านักลงทุนหลายๆ คนยังไม่ได้ซื้อกันเลย
ขณะที่เวลาก็เหลือน้อยเต็มทีแล้ว “รู้อย่างนี้แล้วซื้อตั้งแต่ต้นปีดีกว่า” คงมีคนคิดเหมือนผมแบบนี้แน่นอน และปีนี้จะไปเลือกซื้อกองทุน LTF ที่ลงทุนในหุ้นและลดความผันผวนจากตลาดด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอย่างกองทุน 1SMART-LTF ของ บลจ.วรรณ, KSDLTF (K-Strategic Defensive LTF) ของ บลจ.กสิกรไทย และ SCBLTS (SCB SMART LTF) ของ บลจ.ไทยพาณิชย์ เพื่อรอจังหวะใหม่ในปีหน้า คงต้องบอกว่าทำไม่ได้อีกแล้ว เมื่อกฎเกณฑ์มีการเปลี่ยนแปลงทำให้นักลงทุนไม่สามารถซื้อกองทุนประเภทนี้ได้อีกแล้ว ทางเลือกในการลงทุน LTF จึงแทบไม่มีให้เลือก และกลยุทธ์ต่างๆ ที่เคยใช้กันมาคงต้องกลับมาทบทวนกันใหม่ตั้งแต่ต้น
ดังนั้น ทางเลือกสำหรับนักลงทุนมีไม่มากนัก คือ หันไปเลือก RMF แทน หรือยอมรับความเสี่ยงในการลงทุนในกองทุนหุ้นระยะยาวให้ได้ โดยมองการลงทุนระยะยาวเป็นสำคัญ ไม่ตื่นตกใจไปกับความผันผวนของตลาดหุ้นที่เกิดขึ้นในระยะสั้นๆ และเมื่อยอมรับความเสี่ยงกันได้แล้ว คราวนี้เรามีวิธีที่ง่ายไม่ยุ่งยากอีกวิธี นั่นคือการทำ “Dollar Cost Average (DCA)” ซึ่งเป็นการลงทุนอย่างสม่ำเสมอด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆ กันในแต่ละช่วงเวลา (เช่น ลงทุน 1,000 บาททุกๆ สิ้นเดือน เป็นต้น) ข้อดีของวิธีนี้คือ โดยรวมแล้วไม่มีติดดอยอย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาจับจังหวะการลงทุน นักลงทุนไม่จำเป็นต้องมีความรู้อย่างลึกซึ้ง เพียงแค่เข้าใจการลงทุน เข้าใจตลาดหุ้น เลือกกองทุนที่ดี เท่านี้ก็สามารถลงทุนแบบ DCA ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าของดีสมบูรณ์แบบไม่มีในโลก มีนักลงทุนหลายคนที่ใจร้อนและได้ลองวิธีนี้แล้วอาจไม่ชอบเพราะ DCA เป็นวิธีที่เห็นผลช้า ไม่ทันใจ และต้องมีวินัยในการลงทุนสูง แต่อย่าลืมนะครับว่าเรากำลังลงทุนระยะยาวกัน ผลที่ได้ช้าๆ แต่มั่นคงดีกว่า
นอกจากนี้ บลจ.ต่างๆ เตรียมอำนวยความสะดวกสำหรับนักลงทุนที่ใช้วิธี DCA นี้กันอยู่แล้ว ด้วยบริการที่เรียกว่า “Saving Plan” เป็นการตัดเงินจากบัญชีเงินฝากเป็นประจำเท่าๆ กันเพื่อซื้อกองทุนรวมที่ทำให้นักลงทุนไม่ต้องยุ่งยากกับการซื้อกองทุนรวมเป็นประจำ กลับมามองการลงทุน LTF ในปีนี้กันต่อ เราเชื่อว่ายังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มลงทุน LTF ที่เหลือเวลาอีก 3 เดือน โดยเราแนะนำให้แบ่งเงินเป็น 3 ก้อน แล้วลงทุนทุกเดือนตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่านั่งลุ้นว่าปลายปี SET Index จะลงมาให้ซื้อหรือไม่ และส่วนใหญ่แล้วปลายปีก็มักจะได้แรงซื้อ LTF/RMF นั่นแหละมาหนุนอยู่แล้ว ตลาดจึงมีโอกาสปรับตัวลงได้ยาก (ถ้าเหตุการณ์ทุกอย่างเป็นปกติ ไม่เกิดวิกฤตขึ้นอย่างไม่คาดฝัน)
และโดยส่วนตัวแล้ว คิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการลงทุนกองทุนรวม LTF นั้นคือการเลือกกองทุนรวม LTF ที่ดี เพราะหากเทียบผลการดำเนินงานของกองทุนที่โดดเด่นกับกองทุนรวมทั่วๆ ไปแล้วจะเห็นความแตกต่างของผลตอบแทนในระยะยาวได้อย่างชัดเจน ซึ่งถ้าเราเลือกกองทุนรวมได้ดีแล้ว โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีในระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมนั้นย่อมมีมากขึ้น
สำหรับกองทุนที่เราเลือกยังเป็นกองทุนที่มีสไตล์การลงทุนที่เน้นการคัดเลือกหุ้น (Stock Selection) โดยเป็นกองทุนที่เราเคยแนะนำกันมาตลอด อย่างกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล (KFLTFDIV) และอีกกองทุนที่น่าจับตามองอย่างยิ่งด้วยผลตอบแทนที่โดดเด่นในปีนี้ และมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นั่นคือ กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ไลฟ์ หุ้นระยะยาว (CIMB-PRINCIPAL LTF) ของ บลจ. CIMB เป็นอีกทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหากองทุน LTF ส่วนการลงทุนใน RMF ขอเก็บไว้คุยกันต่อในเดือนหน้าพร้อมกับกองทุน RMF ที่แนะนำในแต่ละประเภท