xs
xsm
sm
md
lg

ภาวะการลงทุนปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์ Wealth Manager
คมศร ประกอบผล, AFPTTM
บลจ. ทิสโก้ จำกัด

ภาวะดอกเบี้ยต่ำและสภาพคล่องล้นโลกจะยังคงอยู่อย่างต่อเนื่อง และเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดผลตอบแทนการลงทุนในปี 2013 โดยธนาคารกลางของประเทศหลักๆ ทั่วโลกยังคงนโยบายการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมของทั้งภาครัฐและเอกชนที่ยังคงมีปัญหาหนี้ในระดับสูง และกระตุ้นเงินเฟ้อเพื่อเร่งการใช้จ่ายและการบริโภค ดังจะเห็นได้จากการประกาศนโยบายล่าสุดของ FED ที่เพิ่มวงเงินการอัดฉีดสภาพคล่องจากเดิม 4 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อเดือน เป็น 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และธนาคารกลางของญี่ปุ่นที่ประกาศเพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตรอีก 10 ล้านล้านเยน ในสัปดาห์ที่แล้ว

TISCO Wealth คาดว่าหุ้นจะได้รับผลบวกจากภาวะดังกล่าวและจะให้ผลตอบแทนดีอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ในขณะที่ตราสารหนี้น่าจะให้ผลตอบแทนต่ำ และโดยเฉพาะพันธบัตรของประเทศที่พัฒนาแล้วมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนสูง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำในปัจจุบัน มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นตามเศรษฐกิจโลกที่ดูดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะส่งผลให้สภาพคล่องจำนวนมากที่กระจุกตัวอยู่ในพันธบัตรรัฐบาลที่ให้ดอกเบี้ยต่ำและผลตอบแทนที่แท้จริง (อัตราดอกเบี้ยหักด้วยอัตราเงินเฟ้อ) ติดลบ น่าจะไหลกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น

เรายังคงชอบตลาดหุ้นในเอเชียแปซิฟิก ไม่รวมญี่ปุ่น เนื่องจาก Valuation ที่ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับในอดีต และเทียบกับตลาดในประเทศที่พัฒนาแล้ว และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงต่ำเนื่องจากหนี้ภาครัฐและเอกชนที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะหุ้นในตลาดจีน H-Shares ซึ่งซื้อขายที่ระดับ Price-to-book ratio ในปัจจุบันต่ำกว่าเมื่อปี 2008 ที่วิกฤตเศรษฐกิจโลก ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจที่เริ่มส่งสัญญานฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทำให้เราเชื่อว่าตลาดหุ้นจีนจะกลับมาให้ผลตอบแทนอย่างโดดเด่นในปี 2013

อัตราดอกเบี้ยในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในปีหน้า ตามแรงกดดดันเงินเฟ้อที่คาดว่าจะกลับมาในช่วงครึ่งหลังของปี TISCO Wealth มองว่าอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรทุกช่วงอายุมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นในปีหน้า โดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาวที่มีความเสี่ยงจากการออกพันธบัตรจำนวนมากของรัฐบาลเพื่อใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และการป้องกันน้ำท่วม เรายังคงแนะนำให้เน้นลงทุนในเงินฝาก หรือตราสารหนี้ระยะสั้นอายุไม่เกิน 6 เดือน และหลีกเลี่ยงการลงทุนในพันธบัตรระยะยาว

ทองคำยังเป็น Top Pick ในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ เนื่องจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำทั่วโลก ประกอบกับภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะส่งผลให้แนวโน้มเงินเฟ้อมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น ในขณะที่ดอกเบี้ยยังถูกกดดันให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน นอกจากนั้น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและอินเดียจะส่งผลบวกต่ออุปสงค์ทองคำเพื่อการลงทุนและใช้เป็นเครื่องประดับอีกด้วย

ความเสี่ยงหลักสำหรับภาวะการลงทุนในปีหน้า คงหนีไม่พ้นเรื่องปัญหาการคลังในสหรัฐฯ ซึ่งการเจรจาต่ออายุมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะหมดอายุลงในปี 2012 อาจไม่ได้ข้อสรุป และทำให้เศรฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะหดตัวในปีหน้า รวมไปถึงความเสี่ยงที่สหรัฐฯ อาจถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลง หากแผนการปรับลดการใช้จ่ายภาครัฐไม่มีความชัดเจนเพียงพอ นอกจากนั้นตลาดยังมีความเสี่ยงจากการความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป โดยเฉพาะในอิตาลี และเยอรมนี ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนปลายไตรมาส 1 และปลายไตรมาส 3 ตามลำดับ


กำลังโหลดความคิดเห็น