นางสาวฤดี ปติอารยกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า เนื่องจากเป็นช่วงใกล้ปลายปี จึงทำให้ตลาดตราสารหนี้มีความผันผวนบ้างในบางจังหวะจากความต้องการซื้อในตลาดที่เบาบางลง และผลประมูลพันธบัตรที่มีอุปสงค์น้อยลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าในระยะกลางอัตราดอกเบี้ยยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ จากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่จะต้องคอยติดตามดู ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยในเดือนพฤศจิกายนอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.74 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคมลดลงร้อยละ 0.35 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพี่มขึ้นร้อยละ 1.85 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.05 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม
ด้านนางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังคงแนะนำลงทุนในระยะสั้น 3-6 เดือน โดยในวันที่ 18 ธันวาคมบริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 9 (ASP-TFIXED9) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่สามารถลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้ไม่เกิน 79% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้กองทุนจะพิจารณาลงทุนในตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ตั่วแลกเงินในประเทศ และเงินฝากธนาคารต่างประเทศ อายุประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.10% ต่อปี*
นอกจากนี้ จากการปรับตัวขึ้นของ SET Index และเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย และการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นขนาดใหญ่ เช่น หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มที่กองทุนเปิดแอสเซทพลัสไพร์ม (ASP-PRIME) เน้นลงทุน จึงส่งผลให้เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมามูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุน ASP-PRIME ปรับตัวขึ้นผ่านจุด 11.50 บาท สามารถรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งที่ 3 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้ กองทุน ASP-PRIME เป็นกองทุนผสมที่เน้นลงทุนในหุ้น มีเป้าหมายมุ่งสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 20% ในระยะเวลาการลงทุน 18 เดือน โดยกำหนดเป้าหมายการทยอยทำกำไรด้วยวิธีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนปรับผ่านจุดที่กำหนด 10.50 บาท, 11.00 บาท, 11.50 บาท และปิดกองทุนเมื่อแตะระดับ 12.00 บาท หรือเมื่อครบอายุกองทุน 18 เดือน แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดก่อน
ด้านนางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังคงแนะนำลงทุนในระยะสั้น 3-6 เดือน โดยในวันที่ 18 ธันวาคมบริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 9 (ASP-TFIXED9) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่สามารถลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้ไม่เกิน 79% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้กองทุนจะพิจารณาลงทุนในตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ตั่วแลกเงินในประเทศ และเงินฝากธนาคารต่างประเทศ อายุประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.10% ต่อปี*
นอกจากนี้ จากการปรับตัวขึ้นของ SET Index และเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย และการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นขนาดใหญ่ เช่น หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มที่กองทุนเปิดแอสเซทพลัสไพร์ม (ASP-PRIME) เน้นลงทุน จึงส่งผลให้เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมามูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุน ASP-PRIME ปรับตัวขึ้นผ่านจุด 11.50 บาท สามารถรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งที่ 3 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้ กองทุน ASP-PRIME เป็นกองทุนผสมที่เน้นลงทุนในหุ้น มีเป้าหมายมุ่งสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 20% ในระยะเวลาการลงทุน 18 เดือน โดยกำหนดเป้าหมายการทยอยทำกำไรด้วยวิธีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนปรับผ่านจุดที่กำหนด 10.50 บาท, 11.00 บาท, 11.50 บาท และปิดกองทุนเมื่อแตะระดับ 12.00 บาท หรือเมื่อครบอายุกองทุน 18 เดือน แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดก่อน
