รวยด้วยรัก...รวยด้วยหุ้น … โดย มนตรี ศรไพศาล
คนไทยเราได้ปลาบปลื้มปีติกันทั้งแผ่นดินอีกครั้ง ที่ได้มีส่วนร่วมกันถวายพระพรในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงเป็นที่รักเทิดทูนของปวงชนชาวไทย และได้รับฟังพระราชดำรัสร่วมกันว่า
“ความปรารถนาดีและความพร้อมเพรียงกันของทุกท่านอย่างที่ได้เห็นในวันนี้ ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มใจ มีกำลังใจมากขึ้น ด้วยมีความเชื่อเสมอมาว่า ความเมตตาปรารถนาดีของท่านต่อกันนี้ เป็นปัจจัยอย่างสำคัญที่จะทำให้ความพร้อมเพรียงให้เกิดมีขึ้น ทั้งในหมู่คณะ และในชาติบ้านเมือง และถ้าคนไทยเรายังมีคุณธรรมข้อนี้ประจำอยู่ในจิตใจ ก็มีความหวังได้ว่า บ้านเมืองไทย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ก็จะอยู่รอดปลอดภัย และดำรงมั่นคงต่อไปได้ตลอดรอดฝั่งอย่างแน่นอน”
ผมเชื่อว่า ความปรารถนาดี และความพร้อมเพรียงก็คือ ความรัก และความสามัคคี เป็นสิ่งที่ค้ำจุนชาติจริงๆ
ขณะนี้มีคดีความของอดีตผู้นำประเทศ 2 ท่าน ผมคิดว่าบ้านเมืองจะเดินหน้าได้อย่างสันติสุข ก็ต่อเมื่อเรารักษาสัจธรรม เมตตาธรรม สันติธรรม และนิติธรรมประกอบกัน คือต้องตั้งอยู่บนความจริง มีใจรักเมตตาปรารถนาดีต่อกัน มีความเคารพสิทธิและความสงบสุขของกันและกัน และมีกฎหมายที่เป็นธรรม
ใครที่จงใจละเว้นคุณธรรมเหล่านี้ หรือชวนให้คนอื่นละเว้นคุณธรรมเหล่านี้ ก็เป็นการทำบาปต่อแผ่นดินแม่ พระเจ้าได้ทรงมอบมโนธรรมให้เรามีจิตสำนึกกลัวความบาป เราจึงควรรักษาทางชอบธรรมไว้ ผิดหรือถูก มโนธรรมในใจจะแจ้งสังคมไทย จึงควรพิจารณาคดีของผู้นำทั้งสองตามความจริง ด้วยใจที่ให้โอกาส เชื่อในส่วนดีของกันเสมอ ดังนี้
1. คดีกล่าวหาอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ “สั่งฆ่าประชาชน” ควรจะพิจารณาความจริงหลายประการ ที่ผู้ตัดสินต้องถามตัวเอง นายกฯ อภิสิทธิ์ “สั่งฆ่าประชาชน” หรือ “สั่งปกป้องประชาชน” กันแน่ โดยพิจารณาจากความจริงหลายประการดังนี้
1.1 ในช่วงนั้นประชาชนในพื้นที่ราชประสงค์ สีลม ต้องเดือดร้อนมากมาย มีการปิดถนนจนทำงานไม่ได้เป็นเดือน มีการบุกห้องพักโรงพยาบาล มีการเผายางรมควันโรงพยาบาล มีการยิงบั้งไฟ ระเบิดย่านบ่อนไก่ ฯลฯ ประชาชนจำนวนมากถูกละเมิดสิทธิด้วยฝีมือคนชุดดำซึ่งเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่ายติดอาวุธ แต่แฝงตัวกับกลุ่มคนเสื้อแดง และโดยรอบ ผมและเพื่อนๆ หลายคนในย่านสีลม ราชประสงค์พร้อมเป็นพยานได้ พนักงานถูกค้นกระเป๋า ต้องหวาดกลัวกับกองยาง ไม้ไผ่ และถังก๊าซในบริเวณโดยรอบ
1.2 การสั่งการของรัฐบาลในการกระชับพื้นที่นั้น เป็นการสั่งการที่ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ต้องการความคุ้มครองจริงๆ
1.3 รัฐบาลกล่าวอยู่เสมอว่า มีคนเสื้อแดงที่ปราศจากอาวุธมาด้วยใจบริสุทธิ์มากมาย เพียงแต่มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายสร้างความเดือดร้อนอยู่รายล้อมจริง
1.4 เมื่อถึงเวลาที่รัฐบาลเผชิญกับกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งไม่มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายติดอาวุธอยู่ด้วยแล้ว ก็ไม่เห็นการใช้อาวุธต่อกันอีกแต่อย่างใด ไม่มีการข่มเหง และไม่มีการสูญเสีย แต่ได้ส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย
2. คดีกล่าวหาอดีตนายกฯ ทักษิณ “โกงชาติ” ควรจะพิจารณาความจริงหลายประการ ที่ผู้ตัดสินต้องถามตัวเองนายกฯ ทักษิณ “โกงชาติ” หรือ “โอนหุ้นในครอบครัวปกติ” กันแน่ โดยพิจารณาจากความจริงหลายประการดังนี้
2.1 รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ฉบับประชาชนซึ่งใช้ในช่วงรัฐบาลอดีตนายกฯ ทักษิณ (ไม่ได้มาจากการปฏิวัติแต่อย่างใด) มาตรา 209 ได้มีข้อห้ามไม่ให้รัฐมนตรี รวมถึง นายกรัฐมนตรี มีหุ้น โดยเฉพาะกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 100 ห้ามเป็นเจ้าของกิจการสัมปทาน ด้วยอาจจะมีการใช้อำนาจกระทำการ หรือ ละเว้นกระทำการใดๆ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่กิจการของตนเองและพวกพ้อง
2.2 ระหว่างที่ถือหุ้นนั้น กลับมีการคืนปันผลให้อดีตนายกฯ และภรรยาอย่างต่อเนื่อง
2.3 การที่อดีตนายกฯ ทักษิณโอนหุ้นให้คนใกล้ชิด ได้แก่ คุณพานทองแท้ คุณพินทองทา คุณยิ่งลักษณ์ และคุณบรรณพจน์ เป็นการโอนที่ศาลตัดสินแล้วว่าเป็นการโอนเท็จ รับฟังไม่ได้ว่าโอนกันจริง
2.4 ตัวอย่างที่น่าจะหาความจริงมาพิสูจน์กันได้คือ คำถามของคุณชวนนท์ และคุณมัลลิกาว่า ทำไมแม่ซื้อ TMB และได้แถม TMB-C1 มา ใช้เงิน 1,500 ล้านบาท แต่ขายให้ลูกชายด้วยมูลค่า 4,500 ล้านบาท จริงๆ หรือ? แล้วจะเป็นการโอนหุ้นธรรมดาของแม่ลูกจริงๆ หรือ? ต้องกำไรกันตั้ง 3,000 ล้านบาทจากลูกตัวเองหรือ? หรือเป็นทางผ่านให้คืนปันผลหุ้นกิจการสัมปทานกลับมาให้พ่อแม่กันแน่?
เราอยากเห็นบ้านเมืองศิวิไลซ์ มีคุณธรรม และนิติธรรม เรื่องคดีความเหล่านี้พึงวิเคราะห์ด้วยความเมตตา และให้โอกาสทั้ง 2 อดีตผู้นำชี้แจงในแต่ละคดีอย่างเป็นธรรม และประชาชนทั้งหลาย หากเห็นว่ามีผู้ถูกรังแก กลับถูกใส่ร้ายด้วยความเท็จ ทั้งๆ ท่านทำด้วยเจตนาดีต่อประเทศชาติ และประชาชน ก็น่าจะพร้อมปกป้องให้หลักนิติธรรม และคุณธรรมยังอยู่คู่แผ่นดินชั่วลูกชั่วหลานของเราตลอดไปครับ
มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com; www.oknation.net/blog/richwithlove; @montrees)
คนไทยเราได้ปลาบปลื้มปีติกันทั้งแผ่นดินอีกครั้ง ที่ได้มีส่วนร่วมกันถวายพระพรในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงเป็นที่รักเทิดทูนของปวงชนชาวไทย และได้รับฟังพระราชดำรัสร่วมกันว่า
“ความปรารถนาดีและความพร้อมเพรียงกันของทุกท่านอย่างที่ได้เห็นในวันนี้ ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มใจ มีกำลังใจมากขึ้น ด้วยมีความเชื่อเสมอมาว่า ความเมตตาปรารถนาดีของท่านต่อกันนี้ เป็นปัจจัยอย่างสำคัญที่จะทำให้ความพร้อมเพรียงให้เกิดมีขึ้น ทั้งในหมู่คณะ และในชาติบ้านเมือง และถ้าคนไทยเรายังมีคุณธรรมข้อนี้ประจำอยู่ในจิตใจ ก็มีความหวังได้ว่า บ้านเมืองไทย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ก็จะอยู่รอดปลอดภัย และดำรงมั่นคงต่อไปได้ตลอดรอดฝั่งอย่างแน่นอน”
ผมเชื่อว่า ความปรารถนาดี และความพร้อมเพรียงก็คือ ความรัก และความสามัคคี เป็นสิ่งที่ค้ำจุนชาติจริงๆ
ขณะนี้มีคดีความของอดีตผู้นำประเทศ 2 ท่าน ผมคิดว่าบ้านเมืองจะเดินหน้าได้อย่างสันติสุข ก็ต่อเมื่อเรารักษาสัจธรรม เมตตาธรรม สันติธรรม และนิติธรรมประกอบกัน คือต้องตั้งอยู่บนความจริง มีใจรักเมตตาปรารถนาดีต่อกัน มีความเคารพสิทธิและความสงบสุขของกันและกัน และมีกฎหมายที่เป็นธรรม
ใครที่จงใจละเว้นคุณธรรมเหล่านี้ หรือชวนให้คนอื่นละเว้นคุณธรรมเหล่านี้ ก็เป็นการทำบาปต่อแผ่นดินแม่ พระเจ้าได้ทรงมอบมโนธรรมให้เรามีจิตสำนึกกลัวความบาป เราจึงควรรักษาทางชอบธรรมไว้ ผิดหรือถูก มโนธรรมในใจจะแจ้งสังคมไทย จึงควรพิจารณาคดีของผู้นำทั้งสองตามความจริง ด้วยใจที่ให้โอกาส เชื่อในส่วนดีของกันเสมอ ดังนี้
1. คดีกล่าวหาอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ “สั่งฆ่าประชาชน” ควรจะพิจารณาความจริงหลายประการ ที่ผู้ตัดสินต้องถามตัวเอง นายกฯ อภิสิทธิ์ “สั่งฆ่าประชาชน” หรือ “สั่งปกป้องประชาชน” กันแน่ โดยพิจารณาจากความจริงหลายประการดังนี้
1.1 ในช่วงนั้นประชาชนในพื้นที่ราชประสงค์ สีลม ต้องเดือดร้อนมากมาย มีการปิดถนนจนทำงานไม่ได้เป็นเดือน มีการบุกห้องพักโรงพยาบาล มีการเผายางรมควันโรงพยาบาล มีการยิงบั้งไฟ ระเบิดย่านบ่อนไก่ ฯลฯ ประชาชนจำนวนมากถูกละเมิดสิทธิด้วยฝีมือคนชุดดำซึ่งเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่ายติดอาวุธ แต่แฝงตัวกับกลุ่มคนเสื้อแดง และโดยรอบ ผมและเพื่อนๆ หลายคนในย่านสีลม ราชประสงค์พร้อมเป็นพยานได้ พนักงานถูกค้นกระเป๋า ต้องหวาดกลัวกับกองยาง ไม้ไผ่ และถังก๊าซในบริเวณโดยรอบ
1.2 การสั่งการของรัฐบาลในการกระชับพื้นที่นั้น เป็นการสั่งการที่ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ต้องการความคุ้มครองจริงๆ
1.3 รัฐบาลกล่าวอยู่เสมอว่า มีคนเสื้อแดงที่ปราศจากอาวุธมาด้วยใจบริสุทธิ์มากมาย เพียงแต่มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายสร้างความเดือดร้อนอยู่รายล้อมจริง
1.4 เมื่อถึงเวลาที่รัฐบาลเผชิญกับกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งไม่มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายติดอาวุธอยู่ด้วยแล้ว ก็ไม่เห็นการใช้อาวุธต่อกันอีกแต่อย่างใด ไม่มีการข่มเหง และไม่มีการสูญเสีย แต่ได้ส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย
2. คดีกล่าวหาอดีตนายกฯ ทักษิณ “โกงชาติ” ควรจะพิจารณาความจริงหลายประการ ที่ผู้ตัดสินต้องถามตัวเองนายกฯ ทักษิณ “โกงชาติ” หรือ “โอนหุ้นในครอบครัวปกติ” กันแน่ โดยพิจารณาจากความจริงหลายประการดังนี้
2.1 รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ฉบับประชาชนซึ่งใช้ในช่วงรัฐบาลอดีตนายกฯ ทักษิณ (ไม่ได้มาจากการปฏิวัติแต่อย่างใด) มาตรา 209 ได้มีข้อห้ามไม่ให้รัฐมนตรี รวมถึง นายกรัฐมนตรี มีหุ้น โดยเฉพาะกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 100 ห้ามเป็นเจ้าของกิจการสัมปทาน ด้วยอาจจะมีการใช้อำนาจกระทำการ หรือ ละเว้นกระทำการใดๆ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่กิจการของตนเองและพวกพ้อง
2.2 ระหว่างที่ถือหุ้นนั้น กลับมีการคืนปันผลให้อดีตนายกฯ และภรรยาอย่างต่อเนื่อง
2.3 การที่อดีตนายกฯ ทักษิณโอนหุ้นให้คนใกล้ชิด ได้แก่ คุณพานทองแท้ คุณพินทองทา คุณยิ่งลักษณ์ และคุณบรรณพจน์ เป็นการโอนที่ศาลตัดสินแล้วว่าเป็นการโอนเท็จ รับฟังไม่ได้ว่าโอนกันจริง
2.4 ตัวอย่างที่น่าจะหาความจริงมาพิสูจน์กันได้คือ คำถามของคุณชวนนท์ และคุณมัลลิกาว่า ทำไมแม่ซื้อ TMB และได้แถม TMB-C1 มา ใช้เงิน 1,500 ล้านบาท แต่ขายให้ลูกชายด้วยมูลค่า 4,500 ล้านบาท จริงๆ หรือ? แล้วจะเป็นการโอนหุ้นธรรมดาของแม่ลูกจริงๆ หรือ? ต้องกำไรกันตั้ง 3,000 ล้านบาทจากลูกตัวเองหรือ? หรือเป็นทางผ่านให้คืนปันผลหุ้นกิจการสัมปทานกลับมาให้พ่อแม่กันแน่?
เราอยากเห็นบ้านเมืองศิวิไลซ์ มีคุณธรรม และนิติธรรม เรื่องคดีความเหล่านี้พึงวิเคราะห์ด้วยความเมตตา และให้โอกาสทั้ง 2 อดีตผู้นำชี้แจงในแต่ละคดีอย่างเป็นธรรม และประชาชนทั้งหลาย หากเห็นว่ามีผู้ถูกรังแก กลับถูกใส่ร้ายด้วยความเท็จ ทั้งๆ ท่านทำด้วยเจตนาดีต่อประเทศชาติ และประชาชน ก็น่าจะพร้อมปกป้องให้หลักนิติธรรม และคุณธรรมยังอยู่คู่แผ่นดินชั่วลูกชั่วหลานของเราตลอดไปครับ
มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com; www.oknation.net/blog/richwithlove; @montrees)