xs
xsm
sm
md
lg

ทำไม ‘วีรบุรุษประชาธิปไตย’ อย่างทักษิณ จึงเยี่ยมเต็งเส่ง แต่ไม่เยี่ยมอองซานซูจี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์ รวยด้วยรัก...รวยด้วยหุ้น …

ผมได้ติดตามข่าวเรื่องอดีตนายกฯทักษิณเยี่ยมพม่า ผมไม่ให้น้ำหนักกับข่าว “ลอบสังหาร”ที่ขาดคุณค่าทาง “ความจริง” เป็นระดับข่าว “เด็กเลี้ยงแกะ” เท่านั้น แต่ผมสนใจว่า อดีตนายกฯเยี่ยมใคร ? เพื่ออะไร ?เพื่อใคร ?

มีความชัดเจนจากการแถลงข่าวของคนใกล้ชิดอดีตผู้นำว่า ทักษิณ-เต็งเส่ง พบกันอย่างชื่นมื่น

...ฟากคนใกล้ชิด ก็บอกว่า ทักษิณพบเพื่อเล่าให้ฟังถึงวิธีแก้จนในไทย จนเต็งเส่งชื่นชม

...ฟากคนตรงข้าม ก็ไม่แน่ใจว่า ไปเจรจาธุรกิจการเมืองหรือเปล่า ?

ผมเพียงแต่สังเกตว่า

ทำไม ? อดีตนายกฯทักษิณ ซึ่งวางตัวเป็นนักสู้ประชาธิปไตย จึงเยี่ยมเพียงผู้นำเผด็จการทหารเต็งเส่งแต่ไม่เยี่ยมนักสู้ประชาธิปไตยอย่างอองซานซูจี ?

โดยการเยี่ยมผู้นำเผด็จการทหารนั้น ก็ดูเป็นความสัมพันธ์ที่ครั้งหนึ่ง นำไปสู่คดีเงินกู้4,000 ล้านบาท ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาได้ตัดสินแล้วว่า ใช้อำนาจรัฐกระทำการหรือละเว้นกระทำการอันมิชอบเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อหุ้นที่อดีตผู้นำเป็นเจ้าของขณะดำรงตำแหน่งนายกฯโดยถือหุ้นผ่านโนมินี

กรณีในประเทศไทย ยุคที่ประชาชนต่อสู้ต่อต้านอำนาจทหารที่ “ยึดครอง” อำนาจรัฐ เช่น ยุคจอมพล ถนอมกิตติขจร ยุคพฤษภาทมิฬ ไม่เห็นชื่ออดีตนายกฯทักษิณ ร่วมขบวนการต่อสู้ เห็นแต่ข่าวที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการเมืองต่างๆฯลฯแต่เมื่อถึงกรณี คมช. ที่ปฏิวัติเพียงเพื่อ “เว้นอำนาจ” เพื่อนำไปสู่กระบวนการตรวจสอบที่เป็นธรรมจนมีหลักฐานชัดเจน เรื่องการถือหุ้นผ่านโนมินี และการใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ อดีตนายกฯกลับยอมรับไม่ได้เลยกลับอ้างว่า เป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย...ต่อสู้เพื่อประชาชน

ผู้นำบนเวทีต้องบอกว่า “ท่านทักษิณยังอยู่กับคนเสื้อแดงใช่ไหม ? ยังต่อสู้เพื่อคนเสื้อแดงใช่ไหม ? เพื่อประชาธิปไตยอย่างเต็มที่ใช่ไหม ?”

น่าแปลกใจ ที่ดูเหมือนการต่อสู้นั้น เป็นเมื่อต้องการใช้อำนาจประชาชนเหนือความถูกต้องและความยุติธรรมเท่านั้น !

ถ้าเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจริง

...ทำไม...ไม่เห็นมีส่วนต่อสู้ล้มอำนาจเผด็จการทหารยุคจอมพลถนอม หรือยุคพฤษภาทมิฬเลย ?

...ทำไม...เมื่อเป็นรัฐบาลเยี่ยมพม่า จึงพาลูกในฐานะตัวแทนกิจการของตนไปด้วย ?

..ทำไม...เมื่อไปเยี่ยมพม่าในครั้งนี้ จึงเยี่ยมผู้นำทหารเผด็จการ แต่ไม่เยี่ยมนักสู้ประชาธิปไตยอย่างอองซานซูจี ?

ทั้งที่ครั้งหนึ่ง สหายรักอย่างฮุนเซนผู้นำเขมร ถึงกับยกย่องอดีตผู้นำไทย เป็นนักสู้ประชาธิปไตย เทียบชั้นอองซานซูจี ???

ผมมองว่า ประชาธิปไตยกำลังพัฒนา อย่างน้อย จนถึงขณะนี้ มีสัญญาณดีๆหลายเรื่อง

...รัฐบาลมากจากการเลือกตั้ง ทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองอยู่แล้ว

..ฝ่ายค้าน ไม่ได้นำฐานเสียงมาล้มล้างรัฐบาล เหมือนที่ต้องเผชิญเมื่ออยู่ในตำแหน่งแต่กำลังทำงานผ่านสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตรวจสอบการทำงานของภาครัฐ อย่างสร้างสรรตามระบอบประชาธิปไตย

หากจะมองข้ามความขัดแย้งในอดีต มองสังคมไทยด้วยหัวใจประชาธิปไตยแท้ ขณะนี้

เรื่องที่น่าจะช่วยพัฒนาประชาธิปไตยยังมีอีกหลายเรื่อง ดังนี้

1. รัฐบาลพึงมุ่งทำงาน ไม่ใช่เอาแต่เล่นการเมือง งานรัฐบาลก็มากอยู่แล้ว กลับมุ่งเรื่อง “เล็กๆๆๆ” และ “เก่าๆๆๆ” อย่างคดีทหารเมื่อร่วม 30 ปีที่แล้ว มาเล่นการเมือง รัฐบาลน่าจะรู้ว่า ประชาชนจำนวนมาก “เบื่อ” การเมืองแบบนี้ผู้คนก็เอาใจช่วยนโยบายรัฐบาล เช่น จำนำข้าว ดังที่ได้ชี้แจงไว้แต่ก็เริ่มกลายเป็นประเด็นที่ทำให้ไทยเสียแชมป์ส่งออกไปแล้วหรือไม่ ? และแม้ปีที่แล้ว การจำนำเพิ่มกำลังซื้อข้าวก็ยังช่วยยกราคาข้าวไม่ได้มาก ปีนี้ ชาวโลกก็รู้ว่า เราเก็บข้าวมากเท่าไร ? ข้าวก็มีอายุจำกัด เก็บนานอาจเสียได้ข้าวใหม่ของไทย และของในต่างประเทศก็กำลังทะลักออกมากันมากขึ้น หากคาดว่าแรงขายมีมาก ราคาจะสูงได้อย่างไร ? แล้วจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ? ต้องสร้างหนี้ให้ลูกหลานไทยอีกเท่าไร ?
ฝ่ายค้านจะอภิปรายตรวจสอบ อย่างสร้างสรรร “ในสภาฯ” ตามระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลกลับเอาคดีเล็กๆเก่าๆ มาชิงพื้นที่ข่าว และหวังสกัดการอภิปรายอย่างน่าเบื่อหน่าย

2. ฝ่ายค้านก็ได้มีโอกาสอภิปรายในสภาฯ ประชาชนก็หวังว่า จะเน้นที่เนื้อหา เพื่อให้ประชาชนได้ความรู้ว่านโยบายดีหรือไม่ ? ทำได้จริงเพียงใด ? ผมเชื่อว่า เน้นที่ “สาระ” จะดีกว่าเน้น “การใช้วาทะขบกัดกัน เท่านั้น”ก็จะทำให้สังคมได้ประโยชน์ รัฐบาลอาจได้ความคิดปรับปรุงแก้ไขการบริหารงานได้

3. การเรียกร้องประชาธิปไตยโดยมวลชน ควรทำโดยสันติอย่างแท้จริง เมื่อย้อนนึกดูว่า ประชาชนถูกทำให้โกรธเพื่อเอา “ความโกรธ” ของประชาชน เป็นเครื่องมือเพื่ออำนาจทางการเมืองแล้ว ก็รู้สึก “น่ากลัว” จริงๆการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ควรเป็นไปตามธรรมชาติ แต่ที่ผ่านมา กลับเป็นการสร้างความแตกแยกเอาคนทำงานราชประสงค์ สีลม และผู้ป่วยโรงพยาบาล เป็นตัวประกัน มีการรมควันโรงพยาบาลมีการยิงบั้งไฟ มีการยิง M79 ในใจการเมือง และที่โหดร้ายต่อคนเสื้อแดงที่สุดคือการเอาประชาชนคนเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยที่บริสุทธิ์เป็นโล่มนุษย์การกระทำเหล่านี้ ไม่ว่าโดยใคร ล้วนเป็น “บาป” ต่อแผ่นดินแม่จริงๆ จากนี้ไปก็ขอให้การเรียกร้องประชาธิปไตยนั้น เป็นไปอย่างสันติอย่างแท้จริง

4. สื่อมวลชน ทำหน้าที่ ปกป้อง “ความจริง” ในระบอบประชาธิปไตย ความถูกใจเป็นเสรีภาพของประชาชนสื่อมวลชน จึงมีหน้าที่อันทรงเกียรติ คือการปกป้อง “ความจริง”...ใครรักประชาธิปไตยจริง ก็ควรให้ประชาชนเห็นภาพจริงเช่นนั้น...ใครรักประชาธิปไตยแบบผูกขาดนิยม ก็ควรให้ประชาชนเห็นภาพจริงเช่นนั้นต้นไม้ดีให้ผลดี ต้นไม้ไม่ดีให้ผลไม่ดี ต้นไม้ดีหรือไม่ดี ดูได้ที่ผลของต้นไม้นั้น...ใครรักประชาธิปไตยจริง ? ใครรักอำนาจรัฐเพื่อประโยชน์ตนเอง ? การกระทำจะฟ้องครับ

โดยมนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com; www.oknation.net/blog/richwithlove; @montrees)


กำลังโหลดความคิดเห็น