xs
xsm
sm
md
lg

จับตาเลือกตั้งสหรัฐฯ บลจ.คาด “โอบามา” นอนมา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.แนะจับตาการเลือกตั้งสหรัฐฯ คาดโอบามานอนมา แต่ความเสี่ยงทางด้านการคลังยังคงอยู่ อาจส่งผลให้เศรษฐกิจในปีนี้ชะลอตัวลง พร้อมแนะนักลงทุนลงกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นรอดูสถานการณ์

นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟินันซ่า จำกัด เปิดเผยทิศทางการลงทุนในตราสารหนี้ในขณะนี้ว่า เท่าที่ติดตามตลาดกำลังรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่คาดว่าประธานาธิบดีโอบามาอาจจะได้รับการเลือกตั้ง แต่ที่นั่งในรัฐสภา โดยเฉพาะสภาผู้แทนราษฎรอาจจะคุมโดยพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นคนละพรรคกับประธานาธิบดีโอบามา ผลคือความเสี่ยงทางการคลังอาจจะคงอยู่ และอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เริ่มฟื้นตัวนั้นกลับมาชะลอลงในปีหน้า และดึงเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตาม แต่มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่พรรคเดโมแครตอาจะได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรมากขึ้นและตกลงทางการคลังกับพรรครีพับลิกันได้ ทำให้สามารถลดความเสี่ยงทางการคลังของสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ด้วยความไม่ชัดเจนทางการเมืองสหรัฐอเมริกา ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่มีเงินเย็นควรพิจารณาลงทุนในกองทุนอายุ 6 เดือน ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยนโยบาย คือ กองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัส โรล โอเวอร์ 6 เดือน 2 (FAM FIPR 6M2) ซึ่งให้ประมาณการผลตอบแทนที่ 3. 2% ต่อปี และเปิดเสนอขายตั้งแต่ 6-12 พฤศจิกายน 2555 นี้

สำหรับกองทุน FAM FIPR 6M2 เป็นกองทุน specific fund โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงิน และ/หรือ เงินฝาก ของภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคารต่างประเทศสกุลเงิน USD หรือ CNY กับธนาคาร BOC, Macao, ธนาคาร Standard Charter, Singapore หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1), เงินฝาก AED ธนาคาร Union National Bank, UAE(P-1), ธนาคาร CBQ Qatar, ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ, ตราสารหนี้ บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991), ตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง, ตราสารหนี้ บมจ.บัตรกรุงไทย หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ BBB+ ขึ้นไป ตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย

ทางด้านนายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ 3 เดือน บีไอ หรือ KPPTF3MBI ซึ่งเป็นกองทุนคุ้มครองเท่ากับเงินลงทุนเริ่มแรกของผู้ลงทุนตลอดระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ซึ่งให้ผลตอบแทนประมาณการที่ 2.6% และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน BT หรือ KFI3MBT ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติที่กระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน มีอายุประมาณ 3 เดือนเช่นกัน ให้ผลตอบแทนประมาณการที่ 2.9% โดยทั้ง 2 กองทุนเริ่มเปิดไอพีโอแล้วตั้งแต่วันที่ 6-12 พฤศจิกายน 2555

ทั้งนี้ กองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ 3 เดือน บีไอ มีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยจะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยในสัดส่วน 80% และเข้าไปลงทุนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารออมสินอีก 20% รวมเป็น 100% โดยกองทุนดังกล่าวเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงจากการขาดทุนได้ต่ำ แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นกองทุนที่มีอายุประมาณ 3 เดือน และผู้ถือหน่วยลงทุนไม่สามารถสั่งขายคืนหน่วยลงทุนด้วยตนเองได้ เงินลงทุนที่จะนำมาลงทุนในกองทุนนี้จะต้องเป็นเงินส่วนที่สามารถลงทุนได้ตามอายุกองทุน

ขณะที่กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน BT มีมูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาท โดยจะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยในสัดส่วนประมาณการที่ 8% ตราสารหนี้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประเทศไทย สัดส่วนประมาณการที่ 24% ตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A. ประเทศบราซิล สัดส่วนประมาณการที่ 24% เงินฝาก Emirates NBD Bank สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สัดส่วนประมาณการที่ 20% และเงินฝาก Abu Dhabi Commercial Bank สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สัดส่วนประมาณการที่ 24%


กำลังโหลดความคิดเห็น