นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) กล่าวในงานสัมมนา ASEAN Sustainable Development Symposium 2012 ว่า หลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ต้องจับตาดูการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะมีการอัดฉีดเม็ดเงินอย่างไม่จำกัด ตรงนี้หลายๆ คนกำลังติดตามว่าจะได้ผลดีอย่างไร พร้อมทั้งต้องจับตาเงินที่จะไหลมายังประเทศด้อยพัฒนาอาจส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อ และปัญหาฟองสบู่ในหลายๆ ประเทศ
“ไม่ว่าพรรคใดได้รับเลือกก็ส่งผลกระทบต่อภูมิภาคเอเชีย รวมถึงไทยอย่างแน่นอน เพราะนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE3 ซึ่งเป็นการอัดฉีดเงินข้าระบบ ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจมั่นคงมากกว่า ทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ หุ้น ปรับราคาขึ้นอย่างก้าวกระโดด และส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะนโยบายรัดเข็มขัดที่มีความกดดันเศรษฐกิจต่อภูมิภาคอื่นอย่างมาก” นายศุภชัยกล่าว
นอกจากนี้ ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปเป็นแรงกดดันให้เงินไหลออกจากยุโรป ไทยต้องระวัง โดยมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทยมีการดูแลเรื่องเงินทุนไหลเข้าดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ช่วยลดปริมาณเงินทุนไหลเข้า และอยากให้แบงก์ชาติติดตามนักลงทุนที่มาลงทุนระยะสั้นในประเทศไทยให้มากขึ้น เนื่องจากสัดส่วนการเข้ามาลงทุนระยะยาวถือว่าน้อยมาก
นายศุภชัยกล่าวถึงแนวโน้มการส่งออกในปีหน้ายังอยู่ในภาวะที่ชะลอตัว ไทยต้องหันมาดูตลาดเอเชีย แอฟริกาใต้มากขึ้น แทนที่ตลาดยุโรป และสหรัฐฯ ซึ่งการกระตุ้นในประเทศเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยเฉพาะการกระตุ้นการลงทุนระยะยาวในโครงสร้างพื้นฐาน ขณะนี้ไทยกำลังมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ออกมา แต่การลงทุนดังกล่าวในหลายๆ ประเทศมักจะเดินไปช้ามาก
“ไม่ว่าพรรคใดได้รับเลือกก็ส่งผลกระทบต่อภูมิภาคเอเชีย รวมถึงไทยอย่างแน่นอน เพราะนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE3 ซึ่งเป็นการอัดฉีดเงินข้าระบบ ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจมั่นคงมากกว่า ทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ หุ้น ปรับราคาขึ้นอย่างก้าวกระโดด และส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะนโยบายรัดเข็มขัดที่มีความกดดันเศรษฐกิจต่อภูมิภาคอื่นอย่างมาก” นายศุภชัยกล่าว
นอกจากนี้ ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปเป็นแรงกดดันให้เงินไหลออกจากยุโรป ไทยต้องระวัง โดยมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทยมีการดูแลเรื่องเงินทุนไหลเข้าดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ช่วยลดปริมาณเงินทุนไหลเข้า และอยากให้แบงก์ชาติติดตามนักลงทุนที่มาลงทุนระยะสั้นในประเทศไทยให้มากขึ้น เนื่องจากสัดส่วนการเข้ามาลงทุนระยะยาวถือว่าน้อยมาก
นายศุภชัยกล่าวถึงแนวโน้มการส่งออกในปีหน้ายังอยู่ในภาวะที่ชะลอตัว ไทยต้องหันมาดูตลาดเอเชีย แอฟริกาใต้มากขึ้น แทนที่ตลาดยุโรป และสหรัฐฯ ซึ่งการกระตุ้นในประเทศเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยเฉพาะการกระตุ้นการลงทุนระยะยาวในโครงสร้างพื้นฐาน ขณะนี้ไทยกำลังมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ออกมา แต่การลงทุนดังกล่าวในหลายๆ ประเทศมักจะเดินไปช้ามาก