บลจ.ทิสโก้มองเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มจะฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ชี้หุ้นจีนปัจจุบันยังถูกและมีเงินไหลเข้ามากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงผู้นำใหม่จะมีเม็ดเงินเข้าตลาดหุ้นจีนเป็นจำนวนมาก
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุนธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนคงมีการฟื้นตัวแต่อาจจะเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ไม่ถดถอยรุนแรงอย่างที่กลัวกันแน่นอน โดยเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มจะฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ 4/55 นี้ ซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เองมองว่าเศรษฐกิจจีนในปีนี้จะโต 7.8% และในปีหน้าโต 8.2% นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงผู้นำจีนในช่วงปลายปีนี้จนถึง มี.ค. 2556 จะส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้นจีนเป็นจำนวนมาก เพราะที่ผ่านมาในช่วงที่มีการถ่ายโอนอำนาจและผู้นำใหม่ขึ้นมานั้นมักจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนในจีน จึงส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนในช่วงที่มีการเปลี่ยนผู้นำมีการปรับตัวขึ้นในทุกครั้ง และคาดว่าในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี บริษัทมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจะเป็นไปอย่างช้าๆ ฟื้นตัวในลักษณะของ U-Shape ไม่ใช่ V-Shape แต่ประการใด
โดยในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่าตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นแล้วไม่ปรับลง ในขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆ ส่วนใหญ่กลับปรับตัวลง เหตุเพราะเงินทุนเพิ่งเริ่มต้นไหลเข้าจีนเท่านั้นในขณะที่ไหลเข้าตลาดหุ้นอื่นมาก่อนหน้านี้แล้ว เรียกว่าตลาดหุ้นจีนเองยังปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาดอื่นในภูมิภาค (Laggard) ในแง่ของมูลค่าตลาดหุ้นจีนเองก็ยังถูกเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตและยังถูกกว่าตลาดหุ้นไทยด้วยในปัจจุบัน จึงเป็นตลาดที่น่าสนใจตลาดหนึ่งในเอเชียในปัจจุบัน
นายสาห์รัช ยังกล่าวว่า ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อไม่ใช่ปัญหาสำหรับจีนแล้ว และหากมองดูถึงโอกาสในการที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินของจีนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นยังสามารถที่จะทำได้อีกมาก ในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนเริ่มมองกลับข้างทำให้มีเงินทุนบางส่วนเริ่มไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นจีนมากขึ้นเพราะมองเป็นโอกาสในการลงทุน เพราะมองดูแล้วจีนก็มีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายมาตรการทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่เขาต้องทำให้ประชาชนมีความกินดีอยู่ดีไม่เช่นนั้นอาจจะส่งผลกระทบติดตามมาได้ ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนถูกปัจจัยลบกดดันจากความกังวลในเรื่องที่เศรษฐกิจอาจจะเป็น Hard Landing ซึ่งปัจจุบันคิดว่าคงจะเป็นแค่การชะลอตัวเท่านั้น แต่ปัจจัยเสี่ยงก็ยังคงมีอยู่จากเศรษฐกิจโลกนั่นเองที่ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังกังวลอยู่
“ตัวเลขหนึ่งที่สะท้อนได้ดี คือตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (MPI) ของจีนที่ยังคงไม่กระเตื้องขึ้นมามากนัก แสดงถึงความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อภาพของเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี แต่ถ้ามองตลาดหุ้นจีนโดยเปรียบเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาคถือว่าตลาดหุ้นจีนมีความน่าสนใจมาก แต่ยังมองยากว่าตลาดหุ้นจีนจะผลิกฟื้นขึ้นมาเมื่อไร แต่จากนี้ไปภาพโดยรวมของตลาดหุ้นจีนมีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าในอดีตเช่นเดียวกัน” นายสาห์รัชกล่าว