xs
xsm
sm
md
lg

2 บลจ.พ้องเสียง คาดแบงก์ชาติคง ดบ. R/P ตามเดิม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมชัย บุญนำศิริ
บลจ.กรุงไทย และ บลจ.แอสเซท พลัส พ้องเสียงคาดประชุม กนง.จะมีการคงดอกเบี้ยนนโยบายไว้ที่ 3% ตามเดิมจนถึงสิ้นปี พร้อมมองตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มภาวะการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงรอผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ซึ่งจะประชุมในวันที่ 17 ต.ค.นี้ โดยหลังจากเกาหลีใต้ บราซิล และออสเตรเลีย ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเนื่องจากแนวโน้มการเติบโตที่มีสัญญาณชะลอตัวลง ทำให้มีนักลงทุนบางส่วนคาดว่าในประเทศต่างๆ ในเอเชีย และตลาดเกิดใหม่อื่นจะมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังไม่ปรับลดลง รวมทั้งของไทยจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งล่าสุดสิงคโปร์ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อลดผลกระทบจากเงินเฟ้อ แม้ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มถดถอยลง
 
สำหรับตราสารหนี้ของไทยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลค่อนข้างทรงตัว มีการเปลี่ยนแปลง -2 ถึง +2 bp โดยนักลงทุนยังรอดูท่าทีของ กนง. และทิศทางการไหลของกระแสเงินทุน ซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนอยู่ในการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทที่ผันผวนในช่วง 30.60-30.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยอ่อนค่าลงจากที่เคยแข็งค่าที่ระดับ 30.48 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ดอลลาร์พรีเมียมจากการทำสวอปข้ามสกุลเงินเพื่อปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนปรับลดลงเล็กน้อย

ทั้งนี้ บริษัทเดินหน้าเปิดอีก 2 กองทุนตราสารหนี้เพื่อรองรับเงินลงทุนของลูกค้าที่กองทุนครบกำหนดอายุโครงการ และมองหาช่องทางการลงทุนอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงได้เปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 27 (KTFF27 ) ในวันที่ 16-22 ตุลาคม 2555 อายุโครงการ 2 ปี จ่ายผลตอบแทนคืนทุก 6 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เช่น เงินฝากประจำ First Gulf Bank, Unoin National Bank, บัตรเงินฝาก Banco Do Brasil S.A. , MTN ของ Banco Bradesco BBA, MTN ของ Itau Unibanco S.A., LPN ของ VTB Capital SA และ LPN ของ Gaz Capital SA ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.90 % ต่อปี

นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดซื้อขายรอบใหม่ (Roll Over) สำหรับกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6 เดือน 1 (KTSIV6M1 ) เปิดจำหน่ายถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2555 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในเงินฝาก ตั๋วแลกเงินของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และธนาคารธนชาต 43% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.95% ต่อปี

ทางด้านนางสาวฤดี ปติอารยกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับ 3% จนถึงสิ้นปีนี้ ถึงแม้ว่าจะมีความกังวลเรื่องตัวเลขการส่งออกของประเทศที่อาจมีการพิจารณาปรับลดเป้าหมายลงจากปัจจุบันที่คาดว่าจะขยายตัวในระดับ 7% อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อเริ่มกลับมาเป็นปัจจัยกดดันทาง ธปท.อีกครั้ง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนกันยายนที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 3.38% จากเดิมอยู่ที่ระดับ 2.69% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 1.89% จากเดิมที่ระดับ 1.76% ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ดังนั้น คาดว่า ธปท.จะพิจารณาความสมดุลระหว่างตัวเลขอัตราเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปีหน้า

นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ลงทุนที่ไม่ชอบความผันผวนแนะนำลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นเพื่อรับผลตอบแทนตามประมาณการ โดยในวันที่ 18 ตุลาคมบริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 5 (ASP-TFIXED5) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่สามารถลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้ไม่เกิน 79% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้กองทุนจะพิจารณาลงทุนในตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เงินฝากธนาคารต่างประเทศ และตั๋วแลกเงินในประเทศ อายุประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.30% ต่อปี
จารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ

กำลังโหลดความคิดเห็น