บลจ.กรุงไทยเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ ลงทุน 6 เดือนให้ผลตอบแทน 3.15% ไอพีโอพร้อมกันเเล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 7 สิงหาคม 2555
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุน โดยตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2555 บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี48 (KTSUPB48) อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในเงินฝาก และตราสารหนี้ต่างประเทศ ได้แก่ เงินฝากประจำ Standard Chartered Bank (Hong Kong) Ltd, เงินฝากประจำ Bank of China สาขามาเก๊า, MTN ออกโดย Banco Bradesco S.A. (BRADES) ในสัดส่วน 67% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และส่วนที่เหลือตราสารในประเทศ ได้แก่ ตั๋วแลกเงิน บจ.อยุธยา แคปิตอล ออโต้ ลีสชิ่ง และตั๋วแลกเงินของ บมจ.แสนสิริ ผลตอบแทนประมาณ 3.15% ต่อปี โดยเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือน คุ้มครองเงินต้น 5 (KTFIX6M5) เน้นลงทุนพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 64% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม และส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.80% ต่อปี
สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้มีแรงขายทำกำไรในพันธบัตรระยะกลางถึงยาว หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.00% ต่อปี ด้วยมติที่ไม่เป็นเอกฉันท์ ขณะที่ตราสารหนี้ระยะสั้นมีแรงซื้อในพันธบัตรรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี เพื่อเป็นแหล่งพักการลงทุน ทำให้ลักษณะเส้นอัตราผลตอบแทนระยะสั้นมีความลาดชันต่ำ (Flat curve) โดยเฉพาะตราสารรุ่นอายุ 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี มีอัตราผลตอบแทนใกล้เคียงกันที่ระดับ 2.98-3.04% ต่อปี
ส่วนตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าในกรอบ 31.50-31.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นผลจากการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคและตลาดเกิดใหม่เริ่มมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มจะถดถอยลง ประกอบกับการเริ่มอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากประธาน ECB และผู้นำประเทศเยอรมนี และฝรั่งเศสส่งสัญญาณจะดำเนินนโยบายเพื่อคงสถานะของกลุ่มยูโร ทำให้ตลาดกลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้ง ทั้ง 2 กองทุนจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนในช่วงเวลานี้