xs
xsm
sm
md
lg

ช่องทางการลงทุน หลังเกษียณอายุการทำงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ถึงแม้ว่าระบบของตลาดการเงินในปัจจุบันจะพัฒนาและก้าวหน้าไปมากขึ้น จนทำให้นักลงทุนมีทางเลือกสำหรับการลงทุนที่ค่อนข้างหลากหลาย อีกทั้งยังสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้มากกว่าในอดีตที่ผ่านมา แต่ผลตอบแทนที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ มักจะมาพร้อมๆ กับความเสี่ยงที่มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่า ความเสี่ยงดังกล่าวย่อมไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนบางประเภท ที่ไม่สามารถยอมรับความเสี่ยงในระดับที่สูงได้ เช่นนักลงทุนที่อยู่ในวัยเกษียณครับ เนื่องจากเงินที่นำมาลงทุนก็คือเงินเก็บสะสมที่ได้มาจากการทำงานตลอดชีวิตนั่นเอง ดังนั้นนักลงทุนในกลุ่มนี้ จำเป็นที่ต้องหาช่องทางในการลงทุนที่จะสามารถรักษาเงินต้นไว้ไม่ให้หดหายไป พร้อมๆกับการสร้างผลตอบแทนเพื่อเป็นรายได้สำหรับการใช้จ่ายในช่วงที่ไม่มีรายได้อื่นใดเพิ่มเติมเข้ามาด้วยครับ การตัดสินใจเลือกลงทุน จึงแตกต่างกับนักลงทุนกลุ่มอื่นๆ และต้องใช้ความรอบคอบเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปัจจุบันที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะซบเซา แนวทางเพื่อการลงทุนของนักลงทุนที่อยู่ในวัยเกษียณอายุอาจจะเขียนเป็นภาพกว้างๆ ได้ดังนี้ครับ

(1) ลงทุนในตราสารที่ปราศจากความเสี่ยง โดยความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการลงทุนนั้น มีหลายประเภทด้วยกัน เช่น ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของราคา (Price Risk) หรือความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับเงินคืนจากการลงทุน (Default Risk) ซึ่งไม่ว่าจะเลือกลงทุนในทางเลือกใด นักลงทุนย่อมต้องพบเจอกับความเสี่ยงอย่างน้อยด้านใดด้านหนึ่ง และสำหรับนักลงทุนที่อยู่ในวัยเกษียณด้วยแล้ว การลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ น่าจะถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทั้งนี้ เราถือว่าตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล จัดเป็นตราสารที่ปราศจากความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นคืน (Default Risk) ในขณะที่การฝากเงินไว้กับธนาคารพาณิชย์ ก็ถือเป็นทางเลือกที่ปราศจากความเสี่ยงเช่นกัน

(2) ระยะเวลาในการลงทุนที่ไม่ยาวจนเกินไป เนื่องจากการลงทุนในทางเลือกต่างๆ มักจะมีเรื่องของระยะเวลาในการลงทุนเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ เช่นการฝากเงินแบบประจำ 2 ปี จะทำให้นักลงทุนไม่สามารถถอนเงินออกมาใช้ในช่วงก่อนครบกำหนด 2 ปีได้ (แต่ถ้าจำเป็นต้องถอนออกมาก่อน ก็จะทำให้ไม่ได้รับอัตราดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้) หรือการลงทุนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ถ้าหากว่านักลงทุนทำการขายพันธบัตรดังกล่าวก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน ก็จะมีความเสี่ยงในเรื่องของราคาซื้อ - ขาย ในตลาดรองเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือยาวขึ้น ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงในด้านความผันผวนของราคามากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นนักลงทุนจำเป็นต้องเลือกช่องทางให้ตรงกับความเหมาะสมของตนเอง ทั้งนี้ นักลงทุนที่อยู่ในวัยเกษียณ ควรจะเลือกลงทุนในช่องทางที่ไม่ใช้เวลาในการลงทุนยาวจนเกินไป ตัวอย่างเช่น การลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง (อายุประมาณ 5 ปี) ที่เปิดขายให้แก่ประชาชนโดยทั่วไปในช่วงที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามเนื่องจากผลตอบแทนที่สูงและระยะเวลาของการลงทุนที่ไม่ยาวนัก

(3) ต้องให้ผลตอบแทนสูงกว่า เมื่อเทียบกับทางเลือกอื่นที่ให้ความเสี่ยงเท่ากัน เพราะโดยปกติแล้ว นักลงทุนไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดก็ตาม ถือเป็นนักลงทุนที่หลีกเลี่ยงความเสี่ยง (Risk Averse) โดยหากมีทางเลือกในการลงทุน 2 ทางที่ให้ผลตอบแทนเท่าๆกัน เราจะเลือกลงทุนในทางเลือกที่ให้ความเสี่ยงต่ำกว่าเสมอ หรืออาจจะบอกได้ว่า หากมีทางเลือกในการลงทุน 2 ทางที่มีความเสี่ยงใกล้เคียงกันเราจะเลือกลงทุนในทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่งถ้าหากลองพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เทียบกับดอกเบี้ยจากการฝากเงินไว้กับธนาคารพาณิชย์แล้ว จะพบว่าไม่ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะรุ่งเรืองหรือซบเซา การลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐก็ยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า อัตราดอกเบี้ยของเงินฝากประจำอยู่เสมอ ครับ

(4) ต้องมีสภาพคล่อง ไม่น้อยไปกว่าการลงทุนในทางเลือกอื่นๆ เนื่องจากสภาพคล่อง (หรือความสามารถที่จะเปลี่ยนสภาพของตราสารที่ทำการลงทุนอยู่ให้กลับมาเป็นเงินสด โดยที่ไม่ทำให้ราคาหรือผลตอบแทนที่จะได้จากตราสารนั้นๆเปลี่ยนแปลงไปมาก) ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุนในวัยเกษียณ ในกรณีนี้ การฝากเงินไว้กับธนาคารพาณิชย์อาจถือเป็นทางเลือกที่ให้สภาพคล่องสูงที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนจากการฝากเงินก็ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ (ที่จัดได้ว่ามีสภาพคล่องต่ำกว่า) แต่ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีกองทุนรวม (Mutual Fund) ที่ลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ภาครัฐหลายๆแห่ง เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถซื้อ - ขายหน่วยลงทุนได้ทุกวัน การลงทุนในกองทุนรวมประเภทนี้ จึงอาจถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ และเหมาะสมกับนักลงทุนที่อยู่ในวัยเกษียณได้เช่นกัน

สรุปแล้ว การลงทุนของนักลงทุนในวัยเกษียณอายุการทำงาน จะมีความแตกต่างจากการลงทุนของนักลงทุนในกลุ่มอื่นๆอย่างชัดเจนครับ ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ และพิจารณาการลงทุนอย่างระมัดระวัง ซึ่งสุดท้ายแล้ว นักลงทุนแต่ละรายจะเลือกลงทุนอย่างไรนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะตัวส่วนบุคคล อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ รวมไปถึงระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้นั่นเองครับ

สุชาติ ธนฐิติพันธ์
ฝ่ายวิจัยและพัฒนา
สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น