เอเอฟพี - เกิดน้ำท่วมฉับพลันถล่มจังหวัดกราสโนดาร์ทางตอนใต้ของรัสเซีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 146 ราย และถือเป็นภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับภูมิภาคดังกล่าวในรอบหลายสิบปี เจ้าหน้าที่และผู้เห็นเหตุการณ์รายงาน วานนี้(7)
ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน เดินทางขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปตรวจสอบความเสียหาย และประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเมืองครึมสก์ ท่ามกลางเสียงร้องเรียนของชาวบ้านว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทอดทิ้งพวกเขา
ภาพจากสื่อโทรทัศน์เผยให้เห็นกระแสน้ำสีโคลนไหลเชี่ยวกรากไปตามท้องถนนในเมืองครึมสก์ ซึ่งได้รับความเสียหายหนักที่สุด โดยมีศพผู้เสียชีวิตถูกคลุมผ้าไว้
ชาวเมืองต่างตกตะลึงเมื่อเห็นกระแสน้ำหลากเข้าท่วมทางเท้าและสัญญาณไฟจราจร จนไหลเข้าไปในอาคารบ้านเรือนในที่สุด
ประชาชนในเมืองครึมสก์บางรายตกใจตื่นขึ้นกลางดึก และพบว่าน้ำไหลเข้ามาท่วมภายในบ้านจนหนีไปไหนไม่ได้แล้ว สตรีรายหนึ่งถึงกับต้องปีนขึ้นไปนั่งบนต้นไม้ตลอดทั้งคืนก่อนจะมีคนมาช่วย
ทางการรัสเซียประเมินว่า มีชาวเมืองครึมสก์ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยครั้งนี้ราว 13,000 คน
ลิดิยา โปลินินา คุณป้าวัยเกษียณคนหนึ่งเล่าว่า “บ้านของเราถูกน้ำท่วมถึงเพดาน เมื่อเปิดประตูออกไปไม่ได้ เลยต้องทุบกระจกหน้าต่างเพื่อหนีออกมา... ฉันเอาหลานชายอายุ 5 ขวบวางไว้บนหลังคารถที่จมน้ำ จากนั้นเราสองคนก็ปีนขึ้นไปหลบบนห้องใต้หลังคา ฉันยังไม่รู้เลยว่าเรารอดมาได้อย่างไร”
“มันเหมือนสึนามิไม่มีผิด” ประธานาธิบดี ปูติน เผย หลังจากได้รับแจ้งรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ พร้อมสัญญาว่าจะพลิกฟื้นอาคารบ้านเรือนที่เสียหายให้กลับมาดีดังเดิม
เจ้าหน้าที่กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินยืนยันกับ ปูตินว่า เหตุน้ำท่วมในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความเสียหายของเขื่อนที่อยู่ใกล้เคียง ดังที่มีชาวบ้านบางคนกล่าวหา
ร่างผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 123 ศพถูกพบบริเวณเมืองครึมสก์ รวมถึงเด็กอายุ 10 ขวบคนหนึ่ง แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปยอดผู้เสียชีวิตที่แน่นอนได้
ตลอดวันเสาร์ที่ผ่านมา(7) ประชาชนในเมืองครึมสก์ยังต้องอยู่อย่างปราศจากไฟฟ้า ขณะที่คราบโคลนบนกำแพงบ่งบอกว่า บางจุดระดับน้ำท่วมสูงถึง 7 เมตร
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ภัยพิบัติครั้งนี้มีสาเหตุจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้น้ำในแม่น้ำบากันกาเอ่อล้นตลิ่งในช่วงคืนวันศุกร์(6)ต่อเช้าวันเสาร์ และไหลหลากเข้าท่วมเมืองในขณะที่ประชาชนกำลังหลับใหล