โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
• สเปน และอิตาลีมีคำสั่งห้ามทำการช็อตเซลเพื่อลดความผันผวนของตลาดการเงินลง หลังจากตลาดหุ้นในประเทศปรับตัวลดลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมาจากความกังวลต่อปัญหาในยุโรป โดย CNMV ที่เป็นหน่วยงานดูแลตลาดหลักทรัพย์ของสเปนได้ห้ามทำการช็อตเซลหุ้นทุกกลุ่มเป็นเวลา 3 เดือน ขณะที่ CONSOB ของอิตาลีห้ามทำการช็อตเซลหุ้นกลุ่มการเงินเป็นเวลา 1 สัปดาห์
• GDP ไตรมาส 2 ของสเปนปรับตัวลดลง 1.0% จากปีก่อน และหดตัว 0.4% จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการว่างงานในระดับที่สูง และมาตรการรัดเข็มขัดอย่างเข้มข้นของภาครัฐจนทำให้ความต้องการภายในประเทศหดตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา
• รมว.คลังของเยอรมนีแสดงความมั่นใจว่าสเปนจะไม่เป็นเหมือนกรีซ เนื่องจากมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่า โดยเชื่อว่าโครงสร้างทางเศรษฐกิจของสเปนมีความแข็งแกร่งมากกว่า ทำให้สเปนจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ทั้งนี้ รมว.คลังเยอรมนีได้กล่าวเตือนว่า กรีซควรเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจตามที่ระบุไว้ในข้อตกลงการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน โดยกลุ่ม TROIKA มีกำหนดเยือนกรีซเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ด้านการคลังในสัปดาห์นี้เพื่อเป็นปัจจัยในการพิจารณามอบเงินกู้งวดต่อไปมูลค่า 3.15 หมื่นล้านยูโร
• ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา 44 ประเทศของเอเชียในปีนี้ลงเหลือ 6.6% จากเดิม 6.9% และลดการเติบโตในปี 2556 เหลือ 7.1% จาก 7.3% ซึ่งเป็นการปรับลดที่สอดคล้องกับการประเมินของ IMF ที่คาดว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเอเชีย โดย ADB ลดการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน และอินเดียในปีนี้ลงเหลือ 8.2% และ 6.5% จาก 8.5% และ 7.0% ขณะที่ ADB ยังคงประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของ ASEAN-5 (ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม) ไว้ที่ 5.6% ในปีนี้ และ 5.9% ในปีหน้า
• รอง ผบ.กองทัพเรืออิหร่านยืนยันว่า อิหร่านไม่มีแผนการปิดช่องแคบฮอร์มุซ เนื่องจากอิหร่านยังคงจำเป็นต้องใช้พื้นที่ดังกล่าวในการเดินเรือ โดยปัจจุบันกองทัพเรืออิหร่านได้เข้าประจำการในช่องแคบดังกล่าวเพื่อควบคุมให้การส่งออกของอิหร่านดำเนินการได้อย่างปกติ
• หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ของเมอร์ริล ลินช์ กล่าวว่า จีนมีศักยภาพในการรักษาอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไว้ที่ระดับสูงได้อีกหลายปี แม้ว่าความท้าทายทางเศรษฐกิจทั้งจากภายใน และภายนอกประเทศจะทำให้ GDP ของจีนเริ่มชะลอตัวลง แต่จากประวัติศาสตร์ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเป็นเหตุผลที่ดีที่จะเชื่อมั่นว่าจีนมีศักยภาพเพียงพอในการเผชิญความท้าทายเหล่านั้น และสามารถที่จะหลีกเลี่ยงการทรุดตัวทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงได้
• ที่ปรึกษาธนาคารกลางจีนประเมินว่า GDP ของจีนในไตรมาส 3 จะขยายตัว 7.4% ชะลอตัวจาก 7.6% ในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากการชะลอตัวของการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอาจจะยังไม่เพียงพอจะชดเชยการหายไปของภาคส่งออกได้
• รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณการชะลอตัว และจะลุกลามไปยังประเทศต่างๆ มากขึ้น โดยญี่ปุ่นได้ปรับแนวโน้มการเติบโตของจีนลงจากความกังวลต่อการหดตัวของการส่งออกจีน ซึ่งจีนถือเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของญี่ปุ่น และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนได้ส่งผลให้มูลค่าการค้าระหว่างญี่ปุ่นกับจีนลดลงต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นยังคงมุมมองการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นไว้ที่ระดับเดิม
• ที่ปรึกษาประธานาธิบดีเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีใต้จะผ่อนคลายข้อจำกัดของการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยลงเพื่อช่วยกระตุ้นการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ และการบริโภคภายในประเทศเพื่อทดแทนการส่งออกที่ชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก
• อัตราเงินเฟ้อของสิงคโปร์ในเดือน มิ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 5.3% จาก 5.0% ในเดือนก่อน จากต้นทุนการขนส่ง และราคาที่อยู่อาศัยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยต้นทุนที่อยู่อาศัย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 25% ของดัชนี เพิ่มสูงขึ้น 9.7% จากราคาค่าเช่าและค่าซ่อมบำรุงที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนการขนส่งซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 16% ของดัชนี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.7% ขณะที่ต้นทุนราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้น 2.3% ชะลอตัวลงจากการปรับขึ้น 2.5% ในเดือนก่อน ซึ่งการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อมาอยู่ระดับสูงกว่า 5% ทำให้การดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางจะกระทำได้ลำบากมากขึ้น
• ผลการสำรวจของธนาคารกลางอินโดนีเซียระบุว่า เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมากของอินโดนีเซียส่งผลให้ชนชั้นกลางมีฐานะร่ำรวยขึ้น ซึ่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ปรับตัวดีขึ้น และเงินเฟ้อที่สามารถควบคุมได้ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นการบริโภคและเศรษฐกิจของประเทศ โดยอินโดนีเซียมีการพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศในสัดส่วนที่มากกว่า 50%
• รมช.คมนาคมเตรียมเสนอที่ประชุม ครม.ในต้นเดือน ส.ค.ให้พิจารณาอนุมัติโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์เส้นทางบางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี และเส้นทางบางปะอิน-นครราชสีมา เพื่อรองรับโครงการท่าเรือน้ำลึก และนิคมอุตสาหกรรมทวาย ซึ่งโครงการท่าเรือน้ำลึก และนิคมอุตสาหกรรมทวายถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญทางเศรษฐกิจ และการค้าของภูมิภาคในอนาคต ทำให้การเชื่อมระบบคมนาคมจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจของไทยอย่างมาก
Equity Market
• SET Index ปิดที่ระดับ 1,185.11 จุด ลดลง 23.44 จุด หรือ 1.94% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 28,427 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,233 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงสอดคล้องกับตลาดภูมิภาค เป็นผลมาจากความกังวลรอบใหม่ต่อสถานการณ์หนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศในยุโรปโดยเฉพาะประเทศกรีซ และสเปน
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่าง +0.00% ถึง-0.09% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 3 รุ่น อายุ 1 เดือน 3 เดือนและ 6 เดือน มูลค่ารวม 66,000 ล้านบาท