โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
• มูดี้ส์ลดอันดับเครดิตพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีลง 2 อันดับ จาก A3 เหลือ Baa2 ซึ่งเป็นระดับที่อยู่เหนือจาก "ระดับขยะ" เพียง 2 อันดับเท่านั้น โดยระบุว่าปัญหาหนี้ในยุโรปทำให้อิตาลีมีต้นทุนกู้ยืมสูงขึ้นในขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจยังอ่อนแอ จึงเสี่ยงที่จะไม่สามารถทำตามเป้าหมายการคลังได้ นอกจากนี้ยังเตือนว่าอาจลดเครดิตของรัฐบาลอิตาลีลงได้อีกในอนาคตอันใกล้
• สมาคมอุตสาหกรรมของอิตาลีคาดการณ์ว่า GDP อิตาลีจะลดลงอย่างน้อย 2.4% ในปีนี้ และลดลง 0.3% ในปีหน้า โดยมีความเสี่ยงที่จะลดลงมากกว่านี้อีก และยังไม่เห็นแนวโน้มที่จะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี และก่อนหน้านี้ธนาคารกลางอิตาลีได้คาดการณ์ว่า GDP จะลดลงเกือบ 2% ในปีนี้ ซึ่งย่ำแย่กว่าที่รัฐบาลคาดว่าจะลดลง 1.2%
• ธนาคารเบอร์เรนเบิร์กแบงก์ ของเยอรมนี กล่าวว่า ธุรกิจเอกชนในกลุ่มยูโรโซนกำลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง เพราะมาตรการลดอัตราดอกเบี้ยและอัดฉีดสภาพคล่องของ ECB ช่วยแต่ภาคธนาคารเท่านั้น ดังนั้น แม้จะอัดฉีดสภาพคล่องจำนวนมากตั้งแต่ต้นปี แต่กระแสเงินสดในระบบเศรษฐกิจนอกภาคธนาคารกลับเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 4% จึงเชื่อว่านโยบายอัดฉีดสภาพคล่องไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ยูโรโซนผ่านพ้นภาวะถดถอยไปได้ วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาก็คือ ECB ต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะไม่ให้มีการผิดนัดชำระหนี้สาธารณะเกิดขึ้น
• ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การสร้างงานมีความสำคัญเป็นอันดับแรก และจะไม่ตัดลดงบลงทุนเพื่อให้บรรลุเป้ายอดขาดดุลแต่ประการใด โดยจะเก็บรายได้จากภาษีเพิ่มเติม คำกล่าวนี้ย้ำถึงนโยบายของผู้นำคนใหม่ของฝรั่งเศสที่จะแก้ปัญหาหนี้สินโดยเน้นการขยายตัวของเศรษฐกิจแทนการลดค่าใช้จ่าย
• ก.แรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้น 0.1% (แม้ต้นทุนราคาพลังงานลดลงถึง 0.9%) ซึ่งสูงกว่าเดือนก่อนหน้าและสวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 0.5% ทั้งนี้ PPI เพิ่มขึ้นเพราะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือนและอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น ซึ่งการที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงอยู่ในระดับสูง จะส่งผลต่อการตัดสินใจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจาก FED เพราะ FED ต้องระวังมิให้มาตรการนั้นทำให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นอีก
• รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ช่วงต้นเดือน ก.ค. ลดลงสู่ 72 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในปีนี้ จาก 73.2 จุดในเดือน มิ.ย. ผิดจากที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ 73.5 จุด ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับลดลงเป็นผลจากการฟื้นตัวของตลาดแรงงานที่แย่กว่าที่คาด
• สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนรายงานว่า GDP ของจีนในไตรมาส 2 ขยายตัว 7.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบ 3 ปี ชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้น 8.1% ในไตรมาสแรก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง และนโยบายของจีนในการควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์และอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้ บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่หลายแห่งได้ปรับลดแนวโน้มยอดขายของบริษัทแล้วเนื่องจากอุปสงค์จากจีนที่อ่อนแอลง
• สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนรายงานว่า ครึ่งแรกของปีนิ้ ….
1. การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในเขตเมืองขยายตัว 20.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้น 16.6%
2. ดัชนีความเชื่อมั่นนักธุรกิจอยู่ที่ 121.2 จุดในไตรมาส 2 ลดลงจากไตรมาสแรก 1.8 จุด โดยดัชนีของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้นสูงสุด ในขณะที่ดัชนีสำหรับธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกลดลงมากที่สุด
3. ผลผลิตอุตสาหกรรมประจำเดือน มิ.ย.ขยายตัว 9.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือน มิ.ย. ฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ 9.3% เมื่อเดือนก่อนหน้า
• เกาหลีใต้กำลังพิจารณาว่าจะนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านอีกครั้งในเดือนหน้า หลังจากได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าจะรับข้อเสนอของอิหร่านที่จะขนส่งน้ำมันให้เกาหลีใต้ด้วยเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านเอง ทั้งนี้ เกาหลีใต้ไม่สามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เพราะ EU มีคำสั่งห้ามบริษัทประกันภัยยุโรปรับประกันเรือทั่วโลกที่บรรทุกน้ำมันอิหร่าน อิหร่านจึงแก้ปัญหาด้วยการจะรับประกันเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านที่ขนส่งน้ำมันดิบไปยังเกาหลีใต้เองภายในวงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์
• สภาพัฒน์ยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้ 5.5-6.0% แม้จะเผชิญกับวิกฤตในยุโรป โดยมองว่าครึ่งปีหลังนี้จะขยายตัวได้เร็วกว่าครึ่งปีแรก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคในประเทศ การลงทุนในภาคเอกชนที่สูงขึ้นโดยการเปิดโรงงานมากขึ้นจากการส่งเสริมของ BOI และคาดว่าภาคเอกชนจะฟื้นจากน้ำท่วมได้ทั้งหมดภายในเดือน ก.ย. ภาคการส่งออกจะเติบโต 12% และตลาดส่งออกในเอเชียที่มีสัดส่วนมากถึง 30-40% จะสามารถทดแทนตลาดยุโรปที่ชะลอตัวได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาเศรษฐกิจยุโรปส่งผลกระทบไปถึงจีนซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องมายังไทยด้วย
• พรอคเตอร์ แอนด์ แกรมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) (P&G) เปิดเผยภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ว่าเติบโตไม่ถึง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่โตประมาณ 6-10% เนื่องจากผู้บริโภคยังระมัดระวังการจับจ่าย และเน้นการซื้อสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น จึงคาดว่าภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคน่าจะเติบโตไม่ถึง 5% ตลอดทั้งปี
Equity Market
• SET Index ปิดที่ระดับ 1,210.29 จุด เพิ่มขึ้น 17.16 จุด หรือ 1.44% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 24,904 ล้านบาท แต่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,121 ล้านบาท หลังจากตุลาการฯ มีมติยกคำร้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยังได้รับผลบวกตามตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้หุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ธนาคาร และกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่หุ้นกลุ่มพาณิชย์มีการปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง โดยเปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่าง -0.03% ถึง 0.00% โดยเฉพาะรุ่นอายุเกินกว่า 20 ปี มีอัตราผลตอบแทนปรับลดลงมากกว่ารุ่นอื่นๆ สำหรับวันนี้มีการประมูลตั๋วเงินคลัง อายุ 90 วัน มูลค่า 11,600 ล้านบาท
Gru Corner
• Paul Krugman ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Business Insider ว่า วิกฤตในยูโรโซนจะแก้ไขได้ด้วย 2 วิธีการ แต่ทั้ง 2 วิธีนั้นต่างเป็นไปไม่ได้
วิธีแรก คือ ECB (ธนาคารกลางยุโรป) ต้องซื้อหนี้และกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมของสเปนกับอิตาลี (ไม่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงเกินไป) แล้วระบุให้ชัดไปเลยว่าจะสนับสนุนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอย่างเต็มที่ ซึ่งผลของมันก็คืออัตราเงินเฟ้อในเยอรมนีจะเพิ่มสูงขึ้น และประเทศที่อ่อนแอกว่าเหล่านั้นจะสามารถแข่งขันกับเยอรมนีได้ดีขึ้น แต่วิธีการนี้ยากที่จะได้รับการสนับสนุนจากเยอรมนี
อีกวิธี คือ ECB ไม่ต้องทำอะไร เลิกอุ้มแบงก์ในสเปนหรือที่ไหน ปล่อยให้คนแห่ถอนเงินออกจากแบงก์ ปล่อยให้แบงก์ต้องประกาศหยุดให้บริการชั่วคราว (เพราะไม่มีเงินให้ถอน) ปล่อยให้ค่าเงินยูโรเป็นไปตามยถากรรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้กลุ่มยูโรโซนจบลง และเกิดหายนะไปทั้งระบบ
“หากเยอรมนีไม่ยอมรับในวิธีแรกเพราะเขาคิดว่ายอมรับไม่ได้ เขาก็ต้องเลือกทางที่สองคือหายนะของยูโรโซนและเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งเยอรมนีก็บอกว่ายอมรับไม่ได้เหมือนกัน และมันก็มีแค่ 2 ทางเลือกเท่านั้น โดยโอกาสที่จะเป็นทางใดทางหนึ่งคือ 50/50 ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว”