xs
xsm
sm
md
lg

บทเรียนจากภาพยนตร์ดีๆ Amazing Spider Man กับการเมืองไทย เพื่อไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์รวยด้วยรัก...รวยด้วยหุ้น
ผมได้มีโอกาสไปชมภาพยนตร์ดีๆ คือเรื่อง Amazing Spider Man เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ อลังการ สนุกมาก และในความสนุก ก็ยังมีบทเรียนที่น่าสนใจ ซึ่งดูไป ก็ได้แรงบันดาลใจเปรียบเทียบการเมืองไทยในปัจจุบัน

ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ เป็นนักเรียนที่ตั้งใจเรียน มีสมองที่เป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์ เขาสนใจวิชาการที่พ่อของเขาศึกษาไว้ คือการถ่ายทอดดีเอ็นเอชีวิตข้ามสายพันธุ์ และเขาได้หลงเข้าไปในห้องทดลองถ่ายสายพันธุ์แมงมุม ถูกกัด ทำให้ได้รับสายพันธุ์พิเศษ จนกลายเป็น มนุษย์แมงมุมไป มีบทเรียนน่าสนใจหลายเรื่อง ดังนี้

1.คนที่ได้รับอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ได้มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง: ดังที่ลุงเบนสอนปีเตอร์ เมื่อเรามีความสามารถ มีพรสวรรค์ พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่ดี ที่หวังว่าเราจะใช้ “ของขวัญ” (Gift ก็คือ พรสวรรค์) นั้น ด้วยความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง

เราทุกคนอยากให้สังคมมีประชาธิปไตยที่ขาวสะอาด ปราศจากการมุ่งโกงกิน หรือทำมาหากินส่วนตัว อยากให้สังคมรักใคร่ปรองดองกัน อยากให้สังคมมีกฎหมาย เป็นนิติรัฐ ไม่ใช่ใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย อยากให้สังคมอยู่ในทางสว่าง ก็ล้วนแล้วแต่เป็นความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจและผู้มีโอกาสทุกคน

2.คนในสังคม ที่คิดว่า ปัญหาของสังคมนั้น ไม่ใช่ธุระ อาจจะมีผลร้ายกลับมาถึงตัว : หลายครั้ง เราเห็นปัญหาของคนอื่นในสังคม ไม่เป็นปัญหาของตัว แต่บางครั้ง เมื่อปล่อยคนร้ายไป คนร้ายนั้นอาจทำร้ายคนใกล้ชิดของเราก็ได้ เมื่อนั้นหรือ จึงจะได้สำนึก
สังคมแตกแยกเพราะ มีการสร้างความ “ไม่รัก” และ ความ “ไม่รู้” เราและอาจจะถึงรุ่นลูกหลานเราก็ยังอาจจะต้องเดือดร้อน เป็นทุกข์ ด้วยจมกับสังคมที่โกรธกัน แบ่งแยกกัน ต่อไป ถ้าเราจะถือว่าเป็นเรื่อง “ธุระไม่ใช่” กันต่อไป

การสร้างความ “ไม่รัก” ก็เป็นสิ่งที่ซาตานได้เริ่มด้วยการบอกกับเอวาทำนองว่า “ถ้าพระเจ้ารักเจ้าจริง ทำไมผลไม้นี้จึงไม่ให้เจ้า” เท่านี้ ก็ได้ครองใจเอวาให้ละทิ้งพระเจ้า วาทกรรม “ไพร่” ที่ถูกดูถูก เหยียดหยาม ทำให้หลงโกรธพี่น้องคนไทยร่วมชาติ ที่ถูกรวมกลุ่มกันเรียกว่า “สายอำมาตย์” ผมว่า เราคงต้องยิ่งรักกัน สามัคคีกัน ทำให้แน่ใจว่าให้เกียรติกัน ไม่ดูถูกความคิดกัน และช่วยกันทำให้เห็นความจริงว่า พี่น้องไทย มีหัวใจหนึ่งเดียวกัน

การสร้างความ “ไม่รู้” เช่น การกล่าวหาว่า “ศาลไทยไม่ยุติธรรม” ผมว่า ก็ควรที่จะสร้างความรู้ชัด ว่า คดีที่เป็นที่สนใจนั้น ศาลตัดสินชอบแล้วหรือไม่ รัฐธรรมนูญ 2540 ห้ามผู้มีอำนาจเช่น นายกรัฐมนตรี มีหุ้นในกิจการสัมปทาน แต่เมื่อนำหุ้นไปให้คนใกล้ชิด เพื่อ “ซุกซ่อนหุ้น” ไว้ และมีการใช้อำนาจ ทำหน้าที่ และ/หรือ ละเว้นการทำหน้าที่ เพื่อประโยชน์ของตน ก็เป็นความผิด สังคมจึงไม่ควรแตกแยกกัน ควรมีใจกว้าง เชื่อในส่วนดีของกันอยู่เสมอก่อนพิสูจน์ความผิดชัดเจน ควรเปิดโอกาสให้ตัวแทนครอบครัวมาชี้แจงหลักฐานอีกครั้ง จะได้ไม่สร้างมวลชนมาบิดเบือนคดี หรือ ควรให้พรรคการเมืองที่สนับสนุน หาความจริงมาแก้ไขให้สะอาด ดีกว่าสวมเสื้อแดงปลุกระดมมวลชน

ถ้าเราปล่อยให้สังคม “ไม่รัก” และ “ไม่รู้” ต่อไป ความทุกข์ก็อาจจะอยู่กับแผ่นดินต่อไปจนถึงรุ่นลูกหลานเราได้

3.คนที่ดูเหมือนเป็นคนดีน่านับถือ แต่ที่จริงกลับไม่ดี เมื่อไม่คำนึงถึงชีวิตใคร : ราจิต เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทออสคอร์ป ดูมีความสง่า น่านับถือ แต่กลับไม่คำนึงถึงชีวิตมนุษย์เลย ยาที่ถือว่า เพื่อเสริมสร้างสุขภาพ ต่อชีวิตมนุษย์ ควรผ่านการทดลองจากหนู เพื่อดูผลข้างเคียงเสียก่อน แต่กลับจะใช้วิธีหลอกล่อ ทดลองกับมนุษย์ก่อนเวลาอันควร โดยสิ่งที่อยู่ในความคิดคือ “หลอกว่าเพื่อประชาชน” และจะได้ “เอาประโยชน์จากประชาชน” ที่จะมาลองยา

สังคมเราก็อาจมีคล้ายๆกัน คนบางคน พร้อมที่จะให้เห็นภาพว่า “ช่วยประชาชน เรียกร้องประชาธิปไตย” ทุกครั้ง ที่อาจต้องการ “เรียกร้องทรัพย์ที่ถูกยึดไว้จากคดีทุจริต” พร้อมจะเลิกการเรียกร้องประชาธิปไตย เมื่อมีแนวโน้มจะได้อำนาจ และได้ทรัพย์ที่หวัง และพร้อมจะกลับมาเรียกร้องประชาธิปไตย เมื่อทรัพย์ที่หวังยังไม่ได้

ทั้งๆที่ตอนนี้ ก็เป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว ผู้นำประเทศก็มาจากเสียงส่วนใหญ่อยู่แล้ว การทำงานที่เป็นไปตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ก็ทำงานได้อยู่แล้ว ชาวบ้านก็รอคอยสิ่งสัญญาไว้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง กระชากราคาสินค้าลงมา ราคาข้าว 15,000 บาท/ตัน ค่าแรง/วัน 300 บาท หลายๆเรื่อง ก็เป็นเวลาที่รัฐบาลทำหน้าที่ได้อยู่แล้ว การเสี่ยงต่อการ “บิดคดี” หรือ “ล้างความผิด” ใครบางคน ก็อาจจะทำให้เสี่ยงต่อการทำหน้าที่เพื่อประชาชนตามที่สัญญาไว้ โดยไม่จำเป็น

4.คนที่ดูประหลาด แต่อาจมีหัวใจเพื่อส่วนรวม : มนุษย์แมงมุม สวมหน้ากากเพื่อซุกซ่อนตัวเอง เพราะเมื่อต้องขจัดภัยพาล อภิบาลคนดี ก็อาจจะสร้างความรู้สึกไม่ดีกับบางคน จึงต้องทำหน้าที่ภายใต้หน้ากาก แต่สังคมกลับไม่ได้ให้ความเป็นธรรม ตำรวจกลับจะจับเขา ด้วยมีพฤติกรรมประหลาด ปกปิดหน้าตาสังคม จึงไม่ควร “ตัดสิน” ใครด้วยเพียงเปลือกนอก ควรจะดูด้วยจิตใจ และในสังคมที่มีคดีที่มีข้อมูลที่สับสนและซับซ้อน เราควรเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายนำหลักฐานมาตีแผ่เพื่อชี้แจง สังคมไทยมีน้ำใจและมีคุณธรรม พร้อมจะเห็นคนในด้านดี พร้อมให้มีการแสดงหลักฐานมาแก้คดีได้เสมอ แม้คดีนี้จะผ่านการตัดสินไปแล้วก็ตาม

5.คนที่ดูเหมือนเป็นคนฝ่ายอื่น กลับยืนเคียงข้างกัน เมื่อชาติต้องการ : ดูภาพยนตร์ไป ก็เริ่มรู้สึกว่า กัปตันเสตซี่นี่ ดูจะ “ดีแต่โม้” แต่ที่จริงแล้ว ก็มีหัวใจที่ใสเช่นเดียวกัน

ผมคิดว่าในสังคม เราอาจจะมีแกนนำความคิดบางคน สร้างอารมณ์โกรธ และ อาจถึงเกลียด ระหว่างประชาชน ผมว่า “ควรระวัง” ประเทศไทยไม่มีแบ่งสีแบ่งฝ่าย ไม่ว่าใครชอบความคิดแบบสีใด เรายังเป็นพี่น้องกัน ยามน้ำท่วมก็พิสูจน์ชัด น้ำท่วมถึงไหน น้ำใจไทยถึงนั่น รักสามัคคีกันตามคำสอนของพ่อหลวงของเรา

6.คนที่อาจเคยเป็นคนดี กลับเปลี่ยนสีเป็นคนชั่ว เมื่อคิดเห็นแก่ตัวเองฝ่ายเดียว : ดร. เคิร์ท เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่รักงานวิทยาศาสตร์เพื่อมวลมนุษยชาติ แต่เมื่อได้รับยา เปลี่ยนให้เป็นดังกิ้งก่ายักษ์ ก็เริ่มคิดแต่เพียงอำนาจ คิดเห็นแก่ตัวเองฝ่ายเดียว ก็หลงไปในความบาปได้ แต่เมื่อได้สำนึก ยอมรับความผิดในอดีต กลับใจใหม่สู่ทางชอบธรรม ก็ได้กลับมาสร้างความดีงามได้ แม้กายอาจต้องติดคุกเพื่อรับผลแห่งความผิดบาป แต่ใจก็ได้บรรลุสู่สันติสุขมากขึ้น

7.คนที่รักผู้อื่น อย่างไม่มีเงื่อนไข คือ คนที่มีหัวใจเป็นวีรบุรุษ : มนุษย์แมงมุม ทุ่มเทเพื่อส่วนรวม และความรู้สึกที่เขาสามารถมีชีวิต เพื่อช่วยเหลือชีวิตอีกมากมายก็เป็นความสุขที่หาสิ่งใดมาทดแทนไม่ได้จริงๆ

พระบัญญัติข้อใหญ่คือ รักพระเจ้าสุดจิตสุดใจ และ รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง

ถ้าเราคนไทย รักพระเจ้าแผ่นดินสุดใจ รักแผ่นดินไทยสุดจิต เราทุกคนก็จะรักกัน คำนึงถึงสันติสุขและประโยชน์สุขของคนส่วนใหญ่ เมื่อหัวใจเราสูงเช่นนั้น เราจะตัดสินใจเยี่ยง วีรบุรุษ - วีรสตรีได้ครับ

มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com; www.oknation.net/blog/richwithlove; @montrees)
กำลังโหลดความคิดเห็น