xs
xsm
sm
md
lg

รำลึก 80 ปี เราคนไทยมีประชาธิปไตย..เมื่อหัวใจเรามี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์รวยด้วยรัก...รวยด้วยหุ้น … โดย มนตรี ศรไพศาล

ในวันที่ 24 มิถุนายน 2475 เป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่ง ที่เรามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช เป็น ระบอบประชาธิปไตย

เมื่อเปิดนิยามจาก วิกีพีเดีย ระบุว่า ประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองแบบหนึ่ง ซึ่งบริหารอำนาจรัฐมาจากเสียงข้างมากของพลเมือง ผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย โดยพลเมืองอาจใช้อำนาจของตนโดยตรงหรือผ่านผู้แทนที่ตนเลือกไปใช้อำนาจแทนก็ได้ ประชาธิปไตยยังเป็นอุดมคติที่ว่าพลเมืองทุกคนในชาติร่วมกันพิจารณากฎหมายและการปฏิบัติของรัฐ และกำหนดให้พลเมืองทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันในการแสดงความยินยอมและเจตนาของตน

ประชาธิปไตยไทย เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 3 ข้อแรกนี้ว่า

มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้

มาตรา 2 ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

มาตรา 3 อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้

การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม

เมื่อเห็นข่าวที่แสดงความเห็นว่า “80 ปี ไม่มีประชาธิปไตย” ผมต้องขอแสดงความเห็นแตกต่าง

ผมว่าผมก็มีสิทธิ์เลือกตั้งมาตั้งแต่บรรลุนิติภาวะตามรัฐธรรมนูญ ผมได้เลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตยแน่ เพราะพรรคที่ผมเลือก อาจจะมีเสียงมาก อาจจะมีเสียงน้อย อาจเป็นรัฐบาล อาจเป็นฝ่ายค้าน แต่ผมก็เคารพ ในเสียงของประชาชน และคนส่วนใหญ่ก็เคารพในเสียงประชาชน

…รัฐบาลทำงานเพื่อประชาชน

…รัฐสภาออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชน และทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล

…ศาลให้ความเป็นธรรมตามกฎหมายอันชอบธรรม

พระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจ ทรงชี้ทางสว่างให้สังคมให้อยู่ในทางชอบธรรม ทรงเป็นที่รักและเป็นกำลังใจให้ปวงชนชาวไทยเสมอ

ผมจึงไม่คิดว่า คนไทยน่าจะถูกทำให้เกิดความโกรธ และ ความเครียด ด้วยความเท็จว่า “80 ปีไม่มีประชาธิปไตย”

ซึ่งผมคิดว่า วันนี้ เรามีประชาธิปไตยดีแล้ว และหากถามผมว่า ประชาธิปไตยของเราดีสมบูรณ์หรือไม่ ขาดอะไร ? ผมขอเสนอความเห็น ดังนี้

1.การประกวดวิสัยทัศน์ เพื่อการเลือกผู้นำของประเทศ เราย่อมรู้ว่า ใครเป็นผู้ที่ได้รับการส่งเข้าประกวดเป็นนายกรัฐมนตรี ก็น่าจะได้มีการประกวดวิสัยทัศน์กัน ผมเห็นว่า นายกฯยิ่งลักษณ์ ก็เป็นคนเก่ง ประสบความสำเร็จมาจากการบริหารกิจการเอกชน นักบริหารแบบบูรณาการ การแสดงวิสัยทัศน์ กับ นายกฯอภิสิทธิ์ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และอย่าไปใส่กติกามากมายเลย ใครใช้เวลายืดเยื้อ นอกประเด็น ประชาชนตัดสินใจได้เอง เราได้เห็นการประกวดวิสัยทัศน์ในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ฯลฯ เป็นสิ่งดีที่ประชาชน จะได้เลือกผู้นำที่สามารถแสดงความเก่ง ความคิดดี วิสัยทัศน์ดี ปัญญาดี มีคุณธรรม เพราะปรกติถ้าพูดโดยมีคนค้าน จะไม่กล้าพูด “โกหก” เหมือนเมื่อพูดฝ่ายเดียว ถ้าใครจะเชื่อว่า “พูดเก่ง” จะชนะ เราก็มีคน “พูดเก่ง” มากมายในแต่ละพรรค แล้วจะได้รับเลือกหรือไม่ ก็ให้ประชาชนตัดสินใจ

2.การสื่อสาร 2 ทางในสภาผู้แทนราษฎร เราได้เห็นกระบวนการใช้ สภาแห่ง “ผู้แทนราษฎร” และ “วุฒิสภา” ร่วมซักถามผู้บริหารนโยบายสำคัญๆต่างๆ เช่น ซักถาม อลัน กรีนสแปน หรือ เบอร์นันเก้ รวมถึงตัวแทนในรัฐบาลในบางกรณี ก็ทำให้ได้ความรู้และความคิด ไม่ใช่มีแต่การจัดการให้ “พูดฝ่ายเดียว” กระบวนการพูดและตรวจสอบนั้น ผมเชื่อ 100% ว่า “คนพูดเก่ง” ไม่น่ากลัวเลย แต่ “คนพูดจริง” ที่น่ากลัว เพราะจะเถียงไม่ได้ และเพื่อประโยชน์กับประชาชน และลูกหลานของเรา เราก็ควรจะรณรงค์ ถามหาการ “บริหารงาน แบบประชาธิปไตย” ด้วย “หัวใจ” คือ ให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ได้รับรู้การทำงานของทั้งฝ่ายรัฐบาล และ ฝ่ายตรวจสอบ ให้ครบด้าน ก็จะได้ใช้สิทธิ์เลือกครั้งต่อไปได้

เพราะประชาธิปไตยให้ “สิทธิประชาชน” เป็นผู้ “เลือก” ก็ควรให้ประชาชนได้รับรู้ครบด้านด้วย !

3. คนไทยทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ภายใต้การพิพากษาของศาลสถิตยุติธรรมเดียวกัน ความเป็นธรรมในสังคมเป็นฐานที่สำคัญสำหรับสังคมประชาธิปไตย หากคิดว่า คนบางคนสามารถอยู่เหนือกฎหมาย แม้เมื่อมีหลักฐานชัดเจน จนเอาผิดได้แล้ว และลงโทษผิดได้แล้ว กลับหาวิธีโดยใช้อำนาจของคนส่วนใหญ่มาล้างความผิด ผมว่า สังคมก็จะเกิดความวุ่นวาย เราก็เดินหน้ามาอย่างสงบดีแล้ว ได้รัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตย ที่ไม่ใช่ฝ่าย “อำมาตย์” อย่างที่สร้างเรื่องกล่าวหากันแล้ว รัฐบาลก็ทำหน้าที่เต็มที่อยู่แล้ว

ศาลก็ทำหน้าที่ปกป้องความถูกต้องยุติธรรมในบ้านเมืองอยู่แล้ว หากติดใจคดีใด สามารถนำหลักฐานมาแสดงต่อศาลและประชาชนได้ ตามข่าวคู่ร้อน คุณพานทองแท้ กับ คุณชวนนท์ เรื่องความถูกต้องชอบธรรมของอดีตผู้นำเรานั้น น่าสนใจและน่าติดตามมาก เท่าที่ผมได้ติดตามดูนั้น ดูเหมือนมีคำถามจากคุณชวนนท์ เพื่อให้ คุณพานทองแท้ หรือ คุณพ่อได้มีโอกาสแสดงหรือชี้แจงกรณี TMB และ TMB-C1 เพื่อให้ประชาชนทุกคน คลายความข้องใจว่า ที่ทำผิดนั้น “ถูกกลั่นแกล้ง” หรือไม่ ? ผมว่าถ้าความจริงเรื่องนี้ชัด สังคมก็จะสงบ อดีตผู้นำก็ของทวงทรัพย์กลับคืนได้อย่างชอบธรรม

ผมสังเกตเพียงว่า จะมีการ “ทวงประชาธิปไตย” ทุกครั้ง ที่ต้องการ “ทวงทรัพย์ที่ถูกยึดตามคำพิพากษาของศาล” แม้วันนี้ ประชาธิปไตยก็มีค่อนข้างดีแล้ว แต่ถ้าได้เงื่อนไขประโยชน์อย่างใจ ก็อาจจะถือว่าประชาธิปไตยดีแล้ว ดังโฟนลิงก์ล่ำลาคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา แต่เมื่อเห็นว่า อาจจะไม่สามารถ “ล้างผิด” ได้ ก็กลับมาสร้างเรื่องโหยหาประชาธิปไตยกันอีกครั้ง

ตกลงที่ตามหา คือ ประชาธิปไตย หรือ อะไรกันแน่ ?

ผมในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ที่ยังหวงแหน อำนาจอธิปไตยของเรา เพราะ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ด้วยการปฏิบัติตามหลักนิติธรรม

และประชาชนคนไทยทุกคน ก็ควรอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และกฎหมายเดียวกันอย่างเป็นธรรมครับ !

ผมอยากชวนให้พี่น้องไทย ร่วมรำลึก 80 ปี และ ตระหนักว่า "เราคนไทยมีประชาธิปไตย...เมื่อหัวใจเรามี" ครับ

มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com; www.oknation.net/blog/richwithlove; @montrees)
กำลังโหลดความคิดเห็น