คอลัมน์ Good Morning News วันที่ 10 พฤษภาคม 2555
โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
เศรษฐกิจโลก
• นักวิเคราะห์หลายฝ่ายกังวลว่านโยบายของ ฟรังซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำรัฐบาลฝรั่งเศสคนใหม่ อาจเป็นอุปสรรคต่อการแก้วิกฤตหนี้ยูโรโซน เนื่องจากออลลองด์มีจุดยืนชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับมาตรการรัดเข็มขัดของ EU โดยนโยบายของเขาได้แก่ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ลดอายุวัยเกษียณลงเหลือ 60 ปีตามเดิม รวมถึงขึ้นภาษีผู้มีรายได้สูง เป็นต้น
ที่เป็นเช่นนี้เพราะออลลองด์เชื่อว่าการดูแลให้เศรษฐกิจขยายตัวจะช่วยให้ยุโรปผ่านพ้นวิกฤตได้ดีกว่าการรัดเข็มขัดอย่างจริงจัง แต่แนวคิดนี้ขัดกับสนธิสัญญาหลักการงบประมาณยุโรปที่ผลักดันโดยอดีตประธานาธิบดีซาร์โกซี ของฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรี แองเจลา แมร์เคล ของเยอรมนี
• แองเจลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาต่อรองข้อตกลงด้านการคลังเกี่ยวกับการควบคุมงบประมาณและมาตรการรัดเข็มขัดใหม่อีกครั้งตามที่ผู้นำคนใหม่ของฝรั่งเศสต้องการ เพราะประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 25 ประเทศจากทั้ง 27 ประเทศได้รับการรับรองข้อตกลงดังกล่าวไปแล้วในการประชุมสุดยอดของยุโรปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จึงไม่ควรมีการหยิบยกขึ้นมาแก้ไขง่ายๆ เพียงเพราะมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำ
• ยอดการส่งออกของเยอรมนีเพิ่มขึ้น 0.9% ไปอยู่ที่ 9.18 หมื่นล้านยูโรในเดือนมีนาคม ปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ส่วนการนำเข้าปรับเพิ่มขึ้น 1.2% สู่ระดับ 7.81 หมื่นล้านยูโร ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เช่นเดียวกัน ส่งผลให้เยอรมนีเกินดุลการค้า 1.37 หมื่นล้านยูโรในเดือนมีนาคม แสดงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของเยอรมนีที่ยังแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ
• ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) สาขาดัลลัส กล่าวว่า FED ยังไม่ควรปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แม้ว่านโยบายผ่อนคลายทางการเงิน (QE) จะไม่ช่วยแก้ปัญหาการจ้างงานในสหรัฐฯ (เพราะภาคธุรกิจเอกชนมีเม็ดเงินจำนวนมากอยู่แล้ว แต่ยังขาดความเชื่อมั่นที่จะจ้างพนักงานเพิ่ม) และการเปลี่ยนแปลงนโยบายดอกเบี้ยจะทำให้ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นลดลง ส่งผลให้มีการชะลอการจ้างงาน
• ทั้ง Bill Gross (PIMCO) Bond King ผู้บริหารกองทุนรวมที่มีขนาดสินทรัพย์สูงที่สุดในโลก กับ Jan Hatzius (Goldman Sachs) ต่างให้ข้อสังเกตตรงกันว่า ผู้ลงทุนควรเตรียมตัวไว้ต้อนรับ QE3 ที่ FED จะใช้ซื้อพันธบัตรเพิ่มเพื่อสู้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังเติบโตอย่างเชื่องช้า โดย Gross ใช้คำว่าอีกไม่นาน ในขณะที่ Jan Hatzius ระบุว่าน่าจะเป็นเดือนมิถุนายนนี้
อย่างไรก็ตาม ประธาน FED สาขา Dallas กลับให้ความเห็นว่า เรื่องหุ้นตกจะไม่ใช่เหตุผลที่ FED เข้าไปแทรกแซงตลาดด้วยการทำ QE และกุญแจของความสำเร็จคือการที่ FED ไม่ใช้เงินใส่เข้าไปอีก
• Dominic Schnider หัวหน้าทีมวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ของ UBS Wealth Management ใน Singapore กล่าวว่า
“เราต้องเห็นก่อนว่าเศรษฐกิจอเมริกาอ่อนแอลงมากจริงๆ ก่อนที่ FED จะเข้ามาทำ QE และขณะนี้ตลาดกำลังอยู่ใน Mode “Risk Aversion (Risk Off) ดังนั้น แม้จะตัดความกังวลเรื่องเงินเฟ้อออกไปได้ ในขณะที่ราคาน้ำมันเริ่มลดลงมาแล้ว แต่อุปสรรคในการออก QE ในประเทศพัฒนาแล้วก็ยังมีสูง ทำให้ตลาดทองคำอยู่ในสภาวะค่อนข้างเปราะบาง”
• สำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดว่า ปริมาณการใช้น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล/วัน ในปีนี้ และจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า
ในขณะเดียวกัน ปีนี้ปริมาณการผลิตน้ำมันและก๊าซทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งคาดว่าการขยายตัวของอุปทานน้ำมันปีนี้อาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วัน และปริมาณการผลิตก๊าซในตลาดโลกในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 2.9 พันล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน เป็น 6.914 หมื่นล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์
ดังนั้น จึงมีแนวโน้มที่ในปีนี้ปริมาณการผลิตน้ำมันและก๊าซจะขยายตัวขึ้นมากกว่าความต้องการใช้
เศรษฐกิจเอเชีย
• จีนเตรียมผ่อนคลายกฎระเบียบต่อนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการลงทุนในจีน เช่น ลดขั้นตอนการอนุมัติใบอนุญาตนักลงทุนสถาบันต่างชาติที่มีคุณสมบัติเหมาะสม (QFII) ปรับลดคุณสมบัติขั้นต่ำสำหรับ QFII และอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติหลายประเภทให้สามารถเข้ามาลงทุนในจีนได้ รวมทั้งขยายขอบเขตการลงทุนสำหรับ QFII ด้วย
การปรับเปลี่ยนนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการดึงดูดนักลงทุนสถาบันต่างชาติระยะยาวจำนวนมากให้เข้ามาสู่จีน
• บริษัทเอิร์นส์ แอนด์ ยัง เปิดเผยผลสำรวจว่า จีนเป็นประเทศที่รั้งตำแหน่งตลาดที่ดึงดูดนักลงทุนเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยอินเดีย สหรัฐฯ บราซิล และอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทจีนถึง 42% (ของกลุ่มสำรวจ) วางแผนการซื้อกิจการในอีก 12 เดือนข้างหน้า ในขณะที่มีบริษัทในประเทศอื่นทั่วโลกเพียง 22% เท่านั้นที่วางแผนจะซื้อกิจการ ดังนั้น จึงมีแนวโน้มที่จะเห็นบริษัทจากประเทศจีนเข้าซื้อกิจการทั้งใน และต่างประเทศมากขึ้น
• รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจอัดฉีดเงินจำนวน 1 ล้านล้านเยนในกองทุนสาธารณะให้แก่ บริษัท โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ (TEPCO) ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าในญี่ปุ่น เพื่อพยุงฐานะทางการเงินของบริษัทซึ่งมีปัญหาอย่างหนักภายหลังเกิดวิกฤตนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ไดอิจิ เมื่อปีที่แล้ว
• กระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยหลังการประชุมร่วมกับนิคมอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศเพื่อหามาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยโรงงาน ซึ่งเบื้องต้นจะจัดทำแผนป้องกันความเสี่ยงโรงงานเป็นรายไตรมาส และจะเข้มงวดเรื่องการต่อใบอนุญาตให้โรงงานอุตสาหกรรม ถ้าหากมีการกระทำผิดก็อาจถูกทำโทษถึงขั้นถอนใบอนุญาต
นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้อุตสาหกรรมจังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานเพื่อแบ่งแยกประเภทและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย
• โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ผู้บริหารธนาคารกรุงเทพ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะทรงตัวที่ 3% ต่อไปจนถึงสิ้นปีถ้างินเฟ้อไม่ปรับตัวขึ้นรุนแรง ซึ่งจะต้องติดตามแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นใน 1-2 เดือนข้างหน้าจากผลของการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่เชื่อว่าในที่สุดแล้วทุกฝ่ายจะปรับตัวต่อราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นได้
ทั้งนี้ ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณจากทุกฝ่ายในการเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)
• ก.ล.ต.เตรียมเริ่มโครงการ “หุ้นใหม่ ความภูมิใจของจังหวัด” เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบธุรกิจในต่างจังหวัดเข้ามาระดมทุนในตลาดทุนมากขึ้น โดยมีมุมมองว่าขณะนี้มีบริษัทในต่างจังหวัดหลายแห่งมีศักยภาพที่จะขายหุ้นต่อประชาชน แต่อาจจะมีความรู้ความเข้าใจไม่เพียงพอจึงเข้าไม่ถึงตลาดทุน
ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์ของบริษัทที่เข้าร่วมโครงการนี้คือ บริษัทที่ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นและมีเอกสารประกอบคำขอครบถ้วนภายในเดือนธันวาคม ปีหน้า จะได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมยื่นคำขอจาก ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมทั้งจะอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับตลาดทุนด้วย
Equity Market
• SET Index ปิดที่ 1,207.25 จุด ลดลง 23.79 จุด หรือ -1.93% ด้วยมูลค่าซื้อ 40,811 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,357 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยถูกแรงกดดันจากตลาดหุ้นเพื่อนบ้านที่ปรับตัวลดลงเพราะนักลงทุนกังวลต่อผลการเลือกตั้งของกรีซ
อนึ่ง หุ้นที่มีผลต่อการปรับตัวลดลงของดัชนีวานนี้ เป็นหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ลดลงตามราคาน้ำมันโลก และหุ้นกลุ่มธนาคารที่ถูกขายทำกำไร
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยรุ่นอายุระหว่าง 1 ถึง 15 ปีปรับเพิ่มขึ้นในช่วงระหว่าง 0.00 ถึง 0.04% ส่วนรุ่นอื่นๆ มีอัตราผลตอบแทนลดลงระหว่าง -0.01 ถึง 0.00%
ทั้งนี้ จะมีการประมูลพันธบัตร ธอส. รุ่นอายุ 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี มูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท ในวันนี้
Guru Corner
• Michael Pento ผู้ก่อตั้ง Pento Portfolio Strategies ใน Holmdel มลรัฐ New Jersey ชี้ว่า การที่ทั้ง Warren Buffett และ Bill Gates ไม่ชอบลงทุนในทองคำนั้นเป็นการคิดผิด และ Pento จะทำในสิ่งตรงกันข้าม เพราะในรอบ 12 ปีที่ผ่านมานี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่ได้ไปถึงไหนเลย
นอกจากนี้ การลงทุนในทองคำในยามที่อัตราดอกเบี้ยหลังหักอัตราเงินเฟ้อเป็นลบอย่างในปัจจุบันนี้ก็เป็นการลงทุนที่เข้าท่ามากกว่า เพราะช่วยสู้เรื่องเงินเฟ้อได้
ทั้งนี้ เขาบอกว่าอยากถาม Warren Buffet ว่า ถ้าให้เลือกระหว่างหุ้นสักตัวที่สะท้อนราคาหุ้นทุกตัวใน S&P500 กับเลือกทองคำสัก 1 ออนซ์ Buffet จะเลือกอะไร และถามว่า การลงทุนอะไรที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในรอบ 12 ปีที่ผ่านมาหากไม่ใช่ทองคำ”
• Kathy Boyle ประธานกรรมการ Chapin Hill Advisors ใน New York ให้สัมภาษณ์ใน CNBC ว่า Warren Buffet ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา แม้ว่าเขาอาจจะเป็นนักลงทุนระยะยาวที่ยิ่งใหญ่ แต่ในระยะสั้นเขาทำไม่ได้ดี
