บลจ.แอสเเซทพลัสตั้งเป้าปีนี้เติบโต 25% เร่งออกโปรดักต์ที่ตอบโจทย์นักลงทุน พร้อมเน้นธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลมากขึ้น ล่าสุดส่งกองทุนแอสเซทพลัสสตาร์ 2 ลงทุนหุ้นธุรกิจชั้นนำทั่วโลก เช่น HSBC Apple CitiGroup และ BMW เป็นต้น เปิดขายหน่วยลงทุนตั้งแต่วันนี้ถึง 3 พฤษภาคม 2555
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า ปีนี้เราตั้งเป้ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิหรือ AUM เติบโตประมาณ 25% จาก ณ สิ้นปี 2554 ที่ 23,375 ล้านบาท เป็น 35,000 ล้านบาท โดยเราจะนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคลที่มีความหลากหลายครอบคลุมสินทรัพย์ทุกประเภท ซึ่งจะเน้นการนำเสนอขายกองทุนผสมที่เน้นลงทุนในหุ้น ทั้งหุ้นต่างประเทศ และหุ้นไทย เพื่อสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายให้แก่นักลงทุนในเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ เรายังคงให้ความสำคัญต่อการเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ ทั้งกองทุนใหม่และกองทุนประเภทโรลโอเวอร์ เนื่องจากกองทุนตราสารหนี้ยังคงเป็นสินทรัพย์หลักสำหรับพอร์ตการลงทุนของผู้ลงทุนส่วนใหญ่ โดยบริษัทจะพิจารณาการนำเสนอกองทุนตามความเหมาะสมกับสภาวะการลงทุนในแต่ละขณะ และให้ความสำคัญต่อประโยชน์ที่ผู้ลงทุนจะได้รับจากผลิตภัณฑ์การลงทุนบนพื้นฐานของความเหมาะสมกับความเสี่ยงของผู้ลงทุนอีกด้วย
เศรษฐกิจไทยยังไปต่อ
นายพงศพันธุ์ อภิญญากุล นักวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มการลงทุนในหุ้นปีนี้ บลจ.คาดว่าสภาพคล่องทางการเงิน ระดับอัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนให้หุ้น ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงเป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ แม้ว่าตลาดหุ้นจะมีความผันผวนจากข้อมูลทางเศรษฐกิจต่างๆ ทั้งข้อมูลที่เกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ บางส่วนที่ยังเปราะบาง แม้ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้จะส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจนขึ้น
ทั้งนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่าสหรัฐฯ จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 หรือ QE3 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ด้านเศรษฐกิจจีนนั้นมีสัญญาณการควบคุมความร้อนแรงของเศรษฐกิจจากการที่รัฐบาลจีนมีการปรับลดการขยายตัวของ GDP ลดเหลือ 7.5% ในปีนี้ ส่วนยุโรปยังคงอยู่ระหว่างการแก้ปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะซึ่งได้ส่งผลให้ประเทศในยุโรปต้องปรับลดงบประมาณการใช้จ่าย ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่จะประสบปัญหาเรื่องเงินฝืด
นายพงศ์พันธุ์กล่าวต่อว่า แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะฟื้นตัวขึ้นหลังจากมหาอุทกภัยในปีที่ผ่านมา แต่ยังมีความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น และการปรับค่าแรงขั้นต่ำ อาจทำให้ต้องมีการใช้มาตรการด้านอัตราดอกเบี้ย สำหรับการลงทุนในทองคำนั้นก็ยังได้รับความนิยมจากนักลงทุนอยู่ แต่ในปีนี้เทรนด์การลงทุนอาจจะไม่เหมือนกับปีที่ผ่านมา
ด้านนางสาววิภาดา จิรพณิช ผู้จัดการกองทุน บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า บลจ.จะเปิดขายกองทุนแอสเซทพลัสสตาร์ 2 ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะเป็นกองทุนผสมที่เน้นลงทุนหุ้นในต่างประเทศที่พัฒนาเเล้ว เช่น สหรัฐฯ ยุโรป ฮ่องกง และญี่ปุ่น ที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานในระยะยาว โดยเลือกลงทุนในหุ้นธุรกิจชั้นนำระดับโลกซึ่งมีการเจริญเติบโตดี และหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานโดดเด่นสามารถทำกำไรจากการปรับขึ้นของราคาในระดับ 15-20% เช่นลงทุนในหุ้น HSBC Apple CitiGroup BMW เป็นต้น โดยกองทุนมีระยะเวลาการลงทุน 18 เดือน และทยอยทำกำไรด้วยวิธีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนปรับขึ้นทุก 5% จากมูลค่าหน่วยลงทุนเริ่มต้นหรือทุก 0.50 บาทจากราคา 10 บาท ทั้งนี้ จะเปิดขายหน่วยลงทุนตั้งแต่วันนี้ถึง 3 พฤษภาคม 2555
