"Fund Ferformance"
หลังจากปัจจัยสำคัญๆ หลายปัจจัยที่มีผลต่อภาวะการลงทุนของโลก อย่างเช่น วิกฤตหนี้ในยุโรป การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ราคาน้ำมันโลกที่สูงขึ้น เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ก็ส่งผลให้เงินลงทุนในระบบเริ่มขยับขยายมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่ตอบโจทย์การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด
ปัจจัยเหล่านี้เอง ทำให้ตลาดหุ้นไทยได้อานิสงส์ไปด้วย โดยในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมา (ต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้ว) ดัชนีหุ้นไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนไปถึงระดับ 1,200 จุดได้ในที่สุด...ซึ่งผลจากการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องของดัชนีหุ้นไทย ทำให้บรรดากองทุนหุ้น ต่างได้รับอานิสงส์กันถ้วนหน้า โดยเฉพาะกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ ที่หลายต่อหลายกองทุน สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายก่อนครบอายุกองทุน
วันนี้ คอลัมน์ “Fund Ferformance” จะพาไปติดตามผลงานกองทุนในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมาว่า กองทุนประเภทไหน ให้ผลการดำเนินงานที่น่าสนใจบ้าง (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มี.ค.)
กองทุนหุ้น กลุ่ม Equity Large Cap
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับแรกในหมวดนี้ ประกอบด้วย
กองทุนเปิดบัวหลวงธนคม ด้วยผลตอบแทน 24.69%
กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟโกรทหุ้นระยะยาว ด้วยผลตอบแทน 22.96%
กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เดลี่ สมาร์ท ตราสารทุน ด้วยผลตอบแทน 21.58%
กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ไลฟ์ หุ้นระยะยาว ด้วยผลตอบแทน 21.37%
กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ไลฟ์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ด้วยผลตอบแทน 21.26%
กองทุนเปิด 1 A.M.SET 50 ด้วยผลตอบแทน 21.14%
กองทุนเปิดบัวแก้ว 2 ด้วยผลตอบแทน 21.10%
กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว ด้วยผลตอบแทน 21.07%
กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ด้วยผลตอบแทน 20.98%
กองทุนเปิด บัวแก้วปันผล ด้วยผลตอบแทน 20.92%
กองทุนหุ้น กลุ่ม Equity General
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับแรกในหมวดนี้ ประกอบด้วย
กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท ดิวิเดนด์-โฟกัส อิควิตี้ ฟันด์ ด้วยผลตอบแทน 22.78%
กองทุนเปิด เอ็มเอฟซี Hi-Dividend ด้วยผลตอบแทน 20.32%
กองทุนเปิดเคเค แอ็กทิฟ อิควิตี้ ฟันด์ ด้วยผลตอบแทน 19.75%
กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ท แคปปิตอล เพื่อการเลี้ยงชีพ ด้วยผลตอบแทน 19.32%
กองทุนเปิด อเบอร์ดีน หุ้นระยะยาว ด้วยผลตอบแทน 18.93%
กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกรท ด้วยผลตอบแทน 18.81%
กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอลแค็พ ด้วยผลตอบแทน 18.74%
กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สยาม ลีดเดอร์ส ด้วยผลตอบแทน 18.65%
กองทุนเปิด ไทยพาณิชย์ หุ้นทุนปันผล ด้วยผลตอบแทน 18.33%
กองทุนเปิดกรุงไทย สมาร์ท อิควิตี้ ฟันด์ ด้วยผลตอบแทน 18.29%
ในขณะที่การลงทุนในต่างประเทศ ต้องบอกว่า การลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ยังเป็นเป้าหมายสำคัญของเงินลงทุนในขณะนี้ เนื่องจากประเทศเหล่านี้ มีแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีต่อเนื่อง แม้ว่าประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีน จะออกมาประกาศลดการเติบโตของเศรษฐกิจลงในรอบหลายปี แต่ในประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะ อินเดีย อาเซียน รวมถึงไทย ยังมีศักยภาพเติบโตได้
กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ กลุ่ม Asia Pacific ex-Jap
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับแรกในหมวดนี้ ประกอบด้วย
กองทุนเปิดเค อินเดีย หุ้นทุน ด้วยผลตอบแทน 23.61%
กองทุนเปิด กรุงศรีอาเซียนนิวมาร์เก็ต ด้วยผลตอบแทน 12.93%
กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ ด้วยผลตอบแทน 12.69%
กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท ไชน่า อินเดีย ชนิดจ่ายเงินปันผล ด้วยผลตอบแทน 12.67%
กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท ไชน่า อินเดีย ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล ด้วยผลตอบแทน 12.63%
กองทุนเปิด อเบอร์ดีน อินเดีย โกรท ฟันด์ ด้วยผลตอบแทน 12.49%
กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท เอเชีย คอนซูเมอร์ ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล ด้วยผลตอบแทน 12.45%
กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท เอเชีย คอนซูเมอร์ ชนิดจ่ายเงินปันผล ด้วยผลตอบแทน 12.42%
กองทุนเปิดแอสเซทพลัสเอชเอสไอ ด้วยผลตอบแทน 11.85%
กองทุนเปิดหน่วยลงทุน ฟินันซ่า เอเชี่ยน คอนซัมชั่น ด้วยผลตอบแทน 11.73%
สำหรับกองทุนที่ลงทุนในทอง พบว่า กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ ฟันด์ ให้ผลตอบแทนสูงสุดที่ 7.78% ในขณะที่กองทุนที่ลงทุนในน้ำมัน คือ กองทุนเปิด K Oil ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 ด้วยผลตอบแทน 5.14%
นักลงทุนที่สนใจติดตามข้อมูลผลตอบแทนกองทุนรวมในรอบเดือนเมษายน กลับมาอัปเดทผลการดำเนินงานกันอีกครั้งได้ในช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนพฤษภาคมครับ