บลจ. ชวน ลงทุน"อีทีเอฟ" แนะเป็นเครื่องมือในการจัดสรรการลงทุนและกระจายความเสี่ยง ชี้ กองทุน"อีทีเอฟ"ในไทย ในอีก 5 ปีมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น ด้าน บลจ. กรุงไทย เผย เตรียมออก "อีทีเอฟ" ใหม่ในเดือน พฤษภามคม
นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด 2 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันการลงทุนในกองทุนอีทีเอฟ (ETF)ในไทยเติบโตขึ้น โดยกองทุนอีทีเอฟที่มีอยู่ มีขนาดรวมกันรวมกันกว่า 4 พันล้านบาท โตขึ้นจากในปีที่ผ่านมากโดยเป็นการลงทุนในกองทุนอีทีเอฟทองคำมากที่สุด ซึ่งการลงทุนในกองทุนอีทีเอฟนั้น มีความเสี่ยงต่ำ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการลงทุนได้ในแบบระยะสั้นและระยะยาวและยังเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนด้วย แต่ยังต้องให้ความรู้แก่นักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในกองทุนอีทีเอฟมากขึ้น โดยทั่วไปนักลงทุนรายย่อยยังไม่มองว่าการลงทุนในแบบไหนที่เหมาะกับตนเอง ยังคงเลือกการลงทุนที่เห็นผลตอบแทนในทันที
ทั้งนี้กองทุนอีทีเอฟในประเทศไทยยังเพิ่งจะเริ่มมีขึ้น แต่มีแนวโน้มที่จะมีกองทุนออกมามากขึ้น โดยเมื่อเทียบกับในต่างประเทศแล้วมีเยอะมากและหลากหลายรูปแบบ เชื่อว่าต่อจากนี้จะมีกองทุนอีทีเอฟในไทยเพิ่มมากขึ้น โดยในส่วนของ บลจ.กรุงไทยเอง เตรียมที่จะออกกองทุน อีทีเอฟ อีกหนึ่งกองทุน ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้
"อยากแนะนำนักลงทุนว่า ต้องเข้าใจการลงทุนและความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง โดยการลงทุนนั้นควรมีการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายผสมกันไปทั้ง ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศและสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำ เป็นต้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี " นางสาวดารบุษป์ กล่าว
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ. วรรณ จำกัด กล่าวว่า กองทุนอีทีเอฟ ในตลาดโลกในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเติบโตและมีความหลากหลายมากขึ้น ในส่วนของประเทศไทยเองยังมีน้อย แต่เริ่มมีการลงทุนมากขึ้นในปีที่ผ่านมา ซึ่งมองว่าในอีกระยะ 5 ปีต่อจากนี้จะเห็นการลงทุนในกองทุนอีทีเอฟมีมากขึ้น
โดยในต่างประเทศนั้นจะเห็นได้ว่า การลงทุนในอีทีเอฟนั้นถูกใช้เป็นเครื่องมือในการจัดสรรการลงทุนใช้อ้างอิงผลตอบแทนไปกับดัชนี ขณะที่ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่นั้น ในส่วนของเอเชียมีการเติบโตมากขึ้นเมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่อย่างบราซิล ของไทยเองนั้น ผู้ลงทุนรายย่อยยังมีน้อย ซึ่งหากมีการกระตุ้นผู้ลงทุนโดยใช้มาตรการต่างเข้ามาช่วยน่าจะมีผู้ลงทุนเข้ามามากขึ้น ซึ่งในประเทศเกาหลีเองมีการจัดการและกระตุ้นผู้ลงทุนมีการเติบโตขึ้น
"กองทุนอีทีเอฟนั้นสามารถเข้าใจได้ง่าย เป็นการลงทุนโดยอ้างอิงผลตอบแทนไปตามดัชนีตลาด ซึ่งเป็นประโยชน์ในการจัดสรรการลงทุนหากมีแผนการลงทุนที่ดี" นายวิน กล่าว
นายวิน ยังกล่าวว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ มีเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้นและมองว่าในช่วง 9 เดือนหลังในปีนี้จะมีการเติบโตมากขึ้น ซึ่งต้องติดตามปัจจัยในต่างประเทศด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาก เพราะในต่างประเทศอย่างยุโรปยังมีปัญหาอยู่ ดังนั้นหากตลาดไม่มีแรงตกใจแล้ว เชื่อว่าเงินลงทุนยังจะไหลเข้าตลาดหุ้นมากขึ้นในช่วง 9 เดือนหลังของปีนี้