บลจ. พร้อมรับลูก ก.ล.ต. พัฒนากองทุนรูปแบบใหม่ "กรุงไทย" ชี้ ของหาไม่ยาก แต่ต้องให้ความรู้นักลงทุนก่อน เพราะปัจจุบัน ยังจำกัดที่ตราสารหนี้ถึง 90% ด้านสมาคมบลจ. ออกตัว พร้อมทำงานร่วมก.ล.ต.ในการให้ความรู้นักลงทุน และพัฒนารูปแบบกองทุนใหม่ๆ เพื่อพัฒนาตลาดทุนไทย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ส่งเสริมให้บริษัทจัดการกองทุน พัฒนากองทุนรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้นว่า ประเด็นนี้ ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะปัจจุบันกองทุนที่มีอยู่ โดยเฉพาะกองทุนต่างประเทศ หรือ FIF สามารถลงทุนได้หลากหลายอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบัน ก็มีกองทุนออกลงทุนในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก แต่ประเด็นสำคัญ อยู่ที่ความรู้ความเข้าใจของนักลงทุนมากกว่า ว่าเข้าใจหรือรู้จักการลงทุนอื่นๆ นอกเหนือจากปัจจุบันมากน้อยเพียงใด หรือสามารถรับความเสี่ยงการลงทุนที่เพิ่มขึ้นได้แค่ไหน
ทั้งนี้ ในส่วนของกองทุนหุ้นเอง ก็มีนักลงทุนส่วนน้อยที่เข้าใจ และรับความเสี่ยงได้ ซึ่งหากไม่รวมกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) รวมถึงกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) ที่ลงทุนในหุ้น จะพบว่ากองทุนหุ้นในปัจจุบัน มีจำนวนน้อยมาก โดยคิดเป็นสัดส่วนเพียง 10% ของกองทุนรวมทั้งระบบเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 90% เป็นกองทุนตราสารหนี้ซะส่วนใหญ่
"การออกกองทุนใหม่ๆ นั้น มองว่าเป็นเรื่องง่าย แต่อยู่ที่ว่าออกกองทุนมาแล้วจะมีคนซื้อหรือไม่ เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่อาจจะยังกลัว ดังนั้น เราเอง ทั้งก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องร่วมกัน ให้ความรู้และความเชื่อมั่นกับนักลงทุนก่อน จะเห็นได้ว่าปัจจุบัน ถ้าไม่รวมกองทุนแอลทีเอฟ อาร์เอ็มเอฟ ที่ลงทุนในหุ้น จะพบว่าการลงทุนในกองทุนหุ้นเอง มีจำนวนน้อยมาก แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนยังไม่มีความเข้าใจและรับความเสี่ยงต่อการลงทุนในหุ้นได้น้อยมาก ดังนั้น การจะพัฒนากองทุนรูปแบบใหม่ๆ ต้องสอดคล้องกับความเข้าใจของนักลงทุนด้วย"นายสมชัยกล่าว
นายสมชัยกล่าวว่า ในส่วนของบลจ.กรุงไทยเอง เร็วๆนี้ จะมีแผนออกกองทุนอีทีเอฟเพิ่มอีก 1 กองทุน ซึ่งกองทุนประเภทนี้เองก็กว้างมาก สามารถลงทุนอะไรก็ได้ เพียงหาประเภทสินทรัพย์ตามความต้องการของนักลงทุน ส่วนประเด็นการเปิดเสรีการเงินนั้น มองว่าประเด็นนี้ยังไม่มีอะไรน่ากังวล เนื่องจากธุรกิจกองทุนรวมในประเทศไทย ยังต้องอาศัยเครือข่ายในการเข้าถึงนักลงทุนเป็นหลัก โดยเฉพาะสาขาธนาคาร
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ ทหารไทย จำกัด และนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า เรามีหน้าที่ทำงานร่วมกับสำนักงานก.ล.ต.ในการพัฒนาตลาดทุนสร้างให้เกิดทางเลือกการลงทุนให้กว้างขวางเหมาะสม โดยสมาชิกบลจ.มุ่งเน้นเรื่องของจรรยบรรณโดยมุ่งถึงผลประโยชน์ของนักลงทุนรวมทั้งพัฒนาความสมารถของสมาชิกในการบริหารกองทุน
"เรามองว่าการให้ความรู้กับนักลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญ อย่างที่คุณวรวรณ ธาราภูมิ กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า การอ่านออกเขียนได้ทางการเงิน เป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเราจะให้ผู้ลงทุนอะไรก็ได้ที่ไม่มีความเสี่ยง สิ่งที่สำคัญคือเราจะทำอย่างไรให้ผู้ลงทุนนั้นขยับไปยังก้าวบันไดเเห่งความเสี่ยง โดยนักลงทุนมีทางเลือก และมีความรู้ในการเลือกได้อย่างถูกต้อง และสามารถเลือกลงทุนได้อย่างสมศักยภาพ ทั้งในแง่ของผลตอบแทนภายใต้ความเสี่ยงของนักลงทุน" นายสมจินต์กล่าว
ทางด้านนางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. บัวหลวง จำกัด ให้ความเห็นว่า การให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนนั้นเป็นสิ่้งที่สำคัญที่สุด โดยตนมองว่าก.ล.ต.และบลจ.ควรจะทำหน้าที่การให้ความรู้การลงทุนควบคู่กันไป ซึ่งหากนักลงทุนหรือประชาชนทั่วไปมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนมากขึ้น การเกิดผลิตภัณฑ์การลงทุนในรูปแบบใหม่ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย