3 บลจ.ทิสโก้ กรุงไทย และแอสเซทพลัส พร้อมใจกันส่งกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ชูผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 3.00% ต่อปี เปิดขายหน่วยลงทุนพร้อมกันตั้งแต่วันนี้ถึง3 เมษายน 2555
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า บลจ.ทิสโก้เปิดเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้โรลโอเวอร์ 3M4 เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยมีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี้และ/หรือเงินฝากที่เสนอขายในประเทศและ/หรือต่างประเทศ โดยกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน 79% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน โดยในกรณีที่มีการลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยกองทุนดังกล่าวเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น เนื่องจากจะเสนอขายทุก ๆ 3 เดือน โดยกองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้โรลโอเวอร์ 3M4 เปิดเสนอขายครั้งแรก 28 มีนาคม - 3 เมษายน2555
ด้าน TISCO Wealth บริการที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนอย่างครบวงจรของกลุ่มทิสโก้ มองว่า ทิศทางอัตราดอกเบี้ยต่อจากนี้จะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำไปอีกระยะ โดยสะท้อนจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุด ที่มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3.00% อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พร้อมจะยืดหยุ่นนโยบายการเงินตามสถานการณ์ เนื่องจากเงินเฟ้อยังเสี่ยงเร่งตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 พร้อมปรับคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยปี 2555 เป็นโต 5.7% จากเดิม 4.9% และคาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไปปี 2555 เป็น 3.4% เงินเฟ้อพื้นฐาน 2.4%
ดังนั้นTISCO Wealth จึงแนะนำการลงทุนในกองทุนที่มีอายุไม่ยาวมากเพื่อไม่ให้เสียโอกาสจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่อาจสูงขึ้นในอนาคต รวมถึงแนะนำการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ ทั้งตราสารหนี้ภาครัฐบาลและ ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง หรือเงินฝากในสกุลเงินต่างประเทศซึ่งมีการป้องกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน ซึ่งผู้ลงทุนจะได้ประโยชน์ทั้งผลตอบแทนที่สูงและยังได้ประโยชน์ด้านภาษีอีกด้วย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ บริษัทเตรียมเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 32 ( KTSUPB32 ) เสนอขาย 28 มีนาคม -3 เมษายน 2555 อายุโครงการ 6 เดือน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนทั้งตราสารในประเทศ และต่างประเทศ โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.35% ต่อปี และการลงทุนในต่างประเทศจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
สำหรับแนวโน้มอัตราผลตอบแทนของเงินฝากและตราสารการเงินระยะสั้นของธนาคารพาณิชย์ มีโอกาสปรับลดลง หลังจากเริ่มมีความชัดเจนว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย จะเรียกเก็บเงินสมทบจากธนาคารพาณิชย์ สำหรับเงินฝากและตราสารระยะสั้นทุกประเภท ซึ่งรวมถึงหุ้นกู้ระยะสั้นที่ธนาคารพาณิชย์ได้หันมาออกเพิ่มขึ้นทดแทนตั๋วแลกเงิน และมีการคาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.00% ต่อปี เนื่องจากเริ่มมีปัจจัยกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่อาจจะเริ่มปรับขึ้นในปลายปีนี้ นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย8%ทริกเกอร์ ฟันด์ 5 ( KT -TRIGGER 5 ) ถึงวันที่ 3 เมษายน 2555 นี้อีกด้วย
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด บลจ.แอสเซทพลัส กล่าวว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในระดับ 3% หลังจากเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีปัจจัยเสี่ยงน้อยลง และยังได้ปรับประมาณการณ์อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจของปีนี้ขึ้นเป็น 5.7% จากเดิม 4.9% โดยมีอุปสงค์ในประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินว่า ธปท. จะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน ด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 3% ไปอีกระยะเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปขณะนี้ที่ 3.35% ยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม อย่างไรก็ดี ยังคงต้องติดตามความเสี่ยงเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันที่เร่งตัวเพราะปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เช่น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และการเร่งตัวของการใช้จ่ายและการลงทุนจากภาครัฐและเอกชน ที่น่าจะเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันอัตราเงินเฟ้อ และกำหนดทิศทางดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี
โดยการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ บริษัทฯ ยังคงแนะนำพอร์ตการลงทุนะยะสั้นประมาณ 3-6 เดือน เพื่อโอกาสการได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก โดยในวันที่ 29 มีนาคม นี้ บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้ 4 (ASP-ACFIXED4) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้มีระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ทั้งนี้กองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น และตั๋วแลกเงินธนาคาร และบริษัทเอกชนในประเทศ ผลตอบแทนประมาณ 3.00% ต่อปี