ASTVผู้จัดการรายวัน -บลจ.ทิสโก้ เปิดขาย 2 กองทุนทั้งหุ้น-ตราสารหนี้ ส่งทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 10% หวังช่วยนักลงทุนทำกำไรหุ้นเอเชีย มั่นใจเศรษฐกิจดีช่วยหนุนปรับตัวขึ้นอีกพร้อมโรลโอเวอร์กอง 3 เดือน หวังใช้ตอบโจทย์นักลงทุนอย่างครบถ้วน
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการเปิดเสนอขายกองทุนใหม่ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 10% #5 และ กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้โรลโอเวอร์ 3M2 เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการลงทุนอย่างครบถ้วน
ทั้งนี้ โดย กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 10% #5 เป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุนที่ลงทุนในกองทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) โดยตั้งเป้าทำกำไรที่ 10% ภายในระยะเวลาประมาณ 4 เดือน โดยสามารถปิดกองคืนเงินผู้ถือหน่วยลงทุนได้ก่อนครบกำหนดหากทำกำไรได้ 10% หรือหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 11.000 บาท โดยจะเสนอขายเพียงครั้งเดียว (ไอพีโอ) ในระหว่างวันที่ 1 - 9 มีนาคม 2555
สำหรับกองทุนหลักที่จะเข้าไปลงทุนได้แก่ กองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia-Pacific ex Japan ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ ประเภทกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ มีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI AC Asia-Pacific ex Japan
ส่วนกองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้โรลโอเวอร์ 3M2 จะเปิดเสนอขายครั้งแรก (ไอพีโอ) ตั้งแต่ 29 กุมภาพันธ์ - 5 มีนาคม 2555 นี้ โดยเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยมีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี้และ/หรือเงินฝากที่เสนอขายในประเทศและ/หรือต่างประเทศ โดยกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน 79% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน โดยในกรณีที่มีการลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยกองทุนดังกล่าวเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น เนื่องจากจะเปิดซื้อ-ขายทุก ๆ 3 เดือน เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี และไม่เสียภาษี
**หุ้นเอเชียโตตามเศรษฐกิจ**
นายธีรนาถ กล่าวอีกว่า จากข้อมูลของ TISCO Wealth บริการที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนอย่างครบวงจรของกลุ่มทิสโก้เชื่อว่า วิกฤติยุโรปเริ่มคลี่คลายหลังกรีซได้รับอนุมัติเงินช่วยเหลือรอบ 2 ทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนเริ่มกลับมา ส่งผลให้มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพคล่องอยู่ในระดับที่สูงมากจากการอัดฉีดสภาพคล่องของทั้งสหรัฐฯ และยุโรป
ขณะที่ดอกเบี้ยก็อยู่ในระดับที่ต่ำมาก ทำให้นักลงทุนต้องแสวงหาผลตอบแทนจากตลาดหุ้น และเปิดโอกาสให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการทำ USD carry trade อีกครั้ง เพราะต้นทุนทางการเงินในสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่นอยู่ในระดับต่ำมาก
สำหรับภาพการลงทุนโดยรวม คาดว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) มีแนวโน้มดีกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจาก เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยคาด GDP ของภูมิภาคเอเชียในปี 2555 จะขยายตัว 6-7% ซึ่งมากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตเพียง 2-3% และยุโรปที่คาดว่าจะหดตัวเล็กน้อย