ASTVผู้จัดการรายวัน-"กรุงไทยแอกซ่า"ประกันชีวิตจ่อปรับพอร์ตเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้น หลังแนวโน้มดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่อง เล็งหุ้นขนาดใหญ่กำไรดีเป็นหลัก มั่นใจตลาดไทยแจ่มดันผลตอบแทนเข้าเป้า 5% เหมือนปีที่ผ่านมา พร้อมลั่นปีมังกรมีปันผลอีกแน่ หลังปีที่แล้วจ่ายไปกว่า 400 ล้านบาท
นายเดวิด โครูนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์การลงทุนอยู่ประมาณ 52,381 ล้านบาท แบ่งออกเป็นลงทุนในพันธบัตรประมาณ 83% ตราสารการเงินระยะสั้นประมาณ 5% หุ้นทุนประมาณ 8% และอื่นๆอีกประมาณ 4%
ทั้งนี้ จากภาวะอัตราดดอกเบี้ยขาลงทำให้บริษัทมีแผนที่จะทำการลดสัดส่วนการลงทุนพันธบัตรที่มีอยู่ 83% แล้วหาจังหวะเข้าลงทุนในหุ้นแทน โดยคาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในปีนี้จะพยายามทำให้ใกล้เคียงกับช่วงปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่ระดับ 5% เนื่องจากผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารการเงินปีนี้อยู่ในระดับที่ต่ำมาก จึงเป็นปัจจัยลบต่อการสร้างผลตอบแทน
"หลังจากนี้บริษัทจะลดการลงทุนในส่วนของพันธบัตรเอกชนที่มีอยู่ประมาณ 17%ของพอร์ตลงทุนพันธบัตรทั้งหมดประมาณ 83% และหากมีช่องทางการลงทุนดี ที่สามารถสร้างผลตอบให้กับบริษัทได้ บริษัทก็จะเข้าไปลงทุนทันที โดยเฉพาะการลงทุนในตราสารทุนที่ปีนี้ได้ขยับเพดานการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น10-12% จากเพดานขณะนี้ที่ 8%"นายเดวิดกล่าว
นายเดวิด กล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มหลักทรัพย์ที่บริษัทสนใจเข้าลงทุน จะเน้นกลุ่มบริษัทที่มีขนาดใหญ่ทำกำไรต่อปีอยู่ในระดับดีต่อเนื่อง นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มผล
ตอบแทนในช่วงภาวะการลงทุนผันผวน ล่าสุด บริษัทได้เข้าลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเทสโก้ โลตัส รีเทล โกรท (TLGF) และหากมีโอกาสในช่องทางอื่นบริษัทก็พร้อมที่จะเข้าไปศึกษาและเข้าลงทุนต่อไป
“ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีนี้ รับว่ามีทิศทางค่อนข้างดีมากและดีต่อเนื่องจากช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าประเทศไทยเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่แต่ได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยกระทบกระเทือนมากจนเกินไป ถ้าเทียบกับประเทศอังกฤษและประเทศอื่นๆที่เกิดน้ำท่วมเช่นนี้ ประเทศไทยยังดีกว่ามาก ดังนั้น การลงทุนในหุ้นจึงไม่น่ากังวลมากนัก” นายเดวิด กล่าว
ส่วน ทิศทางการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นปีนี้ มั่นใจว่า บริษัทสามารถที่จะเดินหน้าจ่ายเงินปันผลได้ต่อเนื่องจากช่วงปีที่ผ่านมาที่จ่ายทั้งสิ้นประมาณ 440 ล้านบาท เนื่องจาก กำไรสะสมของบริษัทในช่วงปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่ดีกว่า 3,600 ล้านบาท
ขณะที่แนวทางการเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)นายเดวิด กล่าวว่า บริษัทยังคงเข้าจดทะเบียนเพื่อเป็นบริษัทมหาชนตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะ
กรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. กำหนดภายในปี 2256 แต่ไม่ได้หมายความว่าการจดทะเบียนดังกล่าวจะต้องเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯแต่ประการใด
ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีฐานเงินสำรองในระดับที่สูงกว่า คปภ. กำหนด รวมไปถึงกำไรสะสมที่มีอยู่จำนวนมาก ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯแต่อย่างไร
โดยในปี 2554 บริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม โดยช่วงปีที่ผ่านมายังคงรักษาระดับการบริหารค่าใช้จ่ายอยู่ที่ระดับ 7% ขณะที่ปี2543 อยู่ที่ระดับ 20% และมีเบี้ยประกันรับปีแรกเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 7,100 ล้านบาทจาก1,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยกว่า 35% ผลงานที่ประสบความสำเร็จและการเจริญเติบโตที่โดดเด่นจากการลงทุนในสินทรัพย์ ทำให้บริษัทฯมีมูลค่าสินทรัพย์จากการลงทุนเพิ่มขึ้นจาก6,100 ล้านบาท เป็น52,400 ล้านบาทหรือเติบโตเฉลี่ย 54% หรือเพิ่มขึ้นกว่า 9 เท่า
นายเดวิด โครูนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์การลงทุนอยู่ประมาณ 52,381 ล้านบาท แบ่งออกเป็นลงทุนในพันธบัตรประมาณ 83% ตราสารการเงินระยะสั้นประมาณ 5% หุ้นทุนประมาณ 8% และอื่นๆอีกประมาณ 4%
ทั้งนี้ จากภาวะอัตราดดอกเบี้ยขาลงทำให้บริษัทมีแผนที่จะทำการลดสัดส่วนการลงทุนพันธบัตรที่มีอยู่ 83% แล้วหาจังหวะเข้าลงทุนในหุ้นแทน โดยคาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในปีนี้จะพยายามทำให้ใกล้เคียงกับช่วงปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่ระดับ 5% เนื่องจากผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารการเงินปีนี้อยู่ในระดับที่ต่ำมาก จึงเป็นปัจจัยลบต่อการสร้างผลตอบแทน
"หลังจากนี้บริษัทจะลดการลงทุนในส่วนของพันธบัตรเอกชนที่มีอยู่ประมาณ 17%ของพอร์ตลงทุนพันธบัตรทั้งหมดประมาณ 83% และหากมีช่องทางการลงทุนดี ที่สามารถสร้างผลตอบให้กับบริษัทได้ บริษัทก็จะเข้าไปลงทุนทันที โดยเฉพาะการลงทุนในตราสารทุนที่ปีนี้ได้ขยับเพดานการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น10-12% จากเพดานขณะนี้ที่ 8%"นายเดวิดกล่าว
นายเดวิด กล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มหลักทรัพย์ที่บริษัทสนใจเข้าลงทุน จะเน้นกลุ่มบริษัทที่มีขนาดใหญ่ทำกำไรต่อปีอยู่ในระดับดีต่อเนื่อง นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มผล
ตอบแทนในช่วงภาวะการลงทุนผันผวน ล่าสุด บริษัทได้เข้าลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเทสโก้ โลตัส รีเทล โกรท (TLGF) และหากมีโอกาสในช่องทางอื่นบริษัทก็พร้อมที่จะเข้าไปศึกษาและเข้าลงทุนต่อไป
“ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีนี้ รับว่ามีทิศทางค่อนข้างดีมากและดีต่อเนื่องจากช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าประเทศไทยเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่แต่ได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยกระทบกระเทือนมากจนเกินไป ถ้าเทียบกับประเทศอังกฤษและประเทศอื่นๆที่เกิดน้ำท่วมเช่นนี้ ประเทศไทยยังดีกว่ามาก ดังนั้น การลงทุนในหุ้นจึงไม่น่ากังวลมากนัก” นายเดวิด กล่าว
ส่วน ทิศทางการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นปีนี้ มั่นใจว่า บริษัทสามารถที่จะเดินหน้าจ่ายเงินปันผลได้ต่อเนื่องจากช่วงปีที่ผ่านมาที่จ่ายทั้งสิ้นประมาณ 440 ล้านบาท เนื่องจาก กำไรสะสมของบริษัทในช่วงปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่ดีกว่า 3,600 ล้านบาท
ขณะที่แนวทางการเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)นายเดวิด กล่าวว่า บริษัทยังคงเข้าจดทะเบียนเพื่อเป็นบริษัทมหาชนตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะ
กรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. กำหนดภายในปี 2256 แต่ไม่ได้หมายความว่าการจดทะเบียนดังกล่าวจะต้องเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯแต่ประการใด
ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีฐานเงินสำรองในระดับที่สูงกว่า คปภ. กำหนด รวมไปถึงกำไรสะสมที่มีอยู่จำนวนมาก ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯแต่อย่างไร
โดยในปี 2554 บริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม โดยช่วงปีที่ผ่านมายังคงรักษาระดับการบริหารค่าใช้จ่ายอยู่ที่ระดับ 7% ขณะที่ปี2543 อยู่ที่ระดับ 20% และมีเบี้ยประกันรับปีแรกเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 7,100 ล้านบาทจาก1,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยกว่า 35% ผลงานที่ประสบความสำเร็จและการเจริญเติบโตที่โดดเด่นจากการลงทุนในสินทรัพย์ ทำให้บริษัทฯมีมูลค่าสินทรัพย์จากการลงทุนเพิ่มขึ้นจาก6,100 ล้านบาท เป็น52,400 ล้านบาทหรือเติบโตเฉลี่ย 54% หรือเพิ่มขึ้นกว่า 9 เท่า