ไอเอ็นจีประกันชีวิต ไม่ห่วงดอกเบี้ยขาลงฉุดผลตอบแทน คงสัดส่วนลงทุนพันธบัตรเต็ม 100% หลังดำรงเงินกองทุนได้สูงถึง 200% ส่วนแผนขายหุ้นนั้น ยังไม่สรุปที่เอไอเอกรุ๊ป เหตุมีนักลงทุนหลายรายสนใจ คาดกลางปีนี้รู้ผล ตั้งเป้าปีนี้ ดันเบี้ยประกันภัยรับปีแรกเติบโต 39%
นายอิกนาซิโอ อากีลาร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทคงสัดส่วนกาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่ระดับ 100% จากพอร์ตการลงทุนทั้งหมดประมาณ 30,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากการลงทุน เพื่อให้สอดรับกับเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (Risk Based Capital : RBC) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ.กำหนด
ทั้งนี้ บริษัทสามารถดำรงเงินกองทุนที่เหมาะสม เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุนได้สูงถึง 200% เมื่อช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ คปภ.กำหนดไว้ที่ 150% บริษัทจึงมีแนวคิดออกกรมธรรม์แบบลูกค้ามีส่วนร่วมกับผลการดำเนินงานของธุรกิจแทน ดังนั้น บริษัทจึงไม่มีแผนที่จะปรับพอร์ตการลงทุนไปลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงอื่น แม้ว่าผลตอบแทนด้านอัตราดอกเบี้ยปีนี้อยู่ในช่วงขาลงก็ตาม
ส่วนความคืบหน้ากรณีที่ไอเอ็นจีกรุ๊ป มีแนวทางแก้ไขฐานะทางการเงิน ด้วยการขายหุ้น IPO ให้กับกลุ่มนักลงทุนที่สนใจในภูมิภาเอเชียแปซิฟิก จากเดิมที่ได้วางแผนจะขายให้กับนักลงทุนในกลุ่มประเทศยุโรปแต่กลุ่มประเทศยุโรปมีปัญหาเรื่องการเงิน จึงจำเป็นต้องย้ายมาขายให้กับนักลงทุนในกลุ่มเอเชียแปซิฟิกแทน ล่าสุดมีนักลงทุนเข้ามาติดต่อสนใจซื้อกิจการแล้วมากกว่า 1 ราย
“มีคนสนใจเข้ามาซื้อมากกว่า 1 ราย ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าเอไอเอ กรุ๊ป สนใจเข้ามาซื้อหุ้นด้วยนั้น เรื่องนี้ไม่ทราบ บริษัทจะทราบว่าใครเข้ามาซื้อหุ้นไอเอ็นจีก็ประมาณกลางปีนี้ เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจข้อมูลอยู่" นายอิกนาซิโอ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การขายหุ้นไอเอ็นจีให้กับนักลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกครั้งนี้ เป็นการขายเฉพาะภาคธุรกิจประกันชีวิต เท่านั้น ไม่ได้ขายภาคธนาคารนั่นหมายความว่า กรณีที่ไอเอ็นจีมีหุ้นอยู่ในธนาคารทหารไทยนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนไอเอ็นจีประกันชีวิตในประเทศไทยนั้นจะให้น้ำหนักกับการทำธุรกิจประกันชีวิตในไทยเท่านั้น
นายอิกนาซิโอ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (FYP) ปีนี้เติบโตประมาณ 39% จากช่วงปีที่ผ่านมาที่มีเบี้ยดังกล่าวอยู่ 2,200 ล้านบาท การเติบโตดังกล่าวจะมาจากช่องทางตัวแทนและช่องทางแบงก์แอสชัวร์รันส์เป็นหลัก ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมไปถึงภาวะผลตอบแทนที่ปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สอดคล้องกับสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยขาลง โดยการเน้นออกกรมธรรม์สุขภาพ กรมธรรม์ที่เกี่ยวข้องกับสตรี รวมไปถึงกรมธรรม์บำนาญมากขึ้น ที่สำคัญ บริษัทจะเน้นกรมธรรม์ประเภทปันผลเพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับลูกค้าในอัตราดี
ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทช่วงปี 2554 พบว่า บริษัทมีเบี้ยประกันรับรวมทั้งสิ้น 10,230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปี 2553 โดยมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 2,212 ล้านบาทลดลง 7% จากช่วงปี 2553 สาเหตุหลักที่ทำให้เบี้ยดังกล่าวของช่วงปีที่ผ่านมาปรับตัวลดลง เนื่องจากทีมผู้บริหารในระดับต่างๆได้มีการโยกย้ายไปยังบริษัทอื่น ที่สำคัญช่วงปีที่ผ่านมาเกิดภัยน้ำท่วมใหญ่ ส่งผลกระทบต่อตัวธุรกิจประกันค่อนข้างมาก
