คปภ.สั่งฟินิกซ์ประกันภัย หยุดขยายกิจการ-ขายสินค้าใหม่ เหตุเงินสำรองกองทุนต่ำกว่าเกณฑ์ ขีดเส้น 30 เมษายนนี้ก่อนตัดสินใจลงดาบยึดใบอนุญาตหรือไม่ เตือนประชาชนระวังห้ามซื้อสินค้าใหม่ เหตุอาจไม่ได้รับความคุ้มครอง แต่ลูกค้าเก่ายันต้องดูแลจ่ายสินไหมตามปกติ
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ.ได้มีคำสั่งที่ 1/2555 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 ให้บริษัท ฟีนิกซ์ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว เนื่องจากดำรงเงินกองทุนไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ ตามกฎหมายแล้วบริษัทประกันภัยจะต้องมีเงินสำรองกองทุนตามกฎหมาย 30 ล้านบาท แต่จากข้อมูลของทางคปภ. ณ เดือนสิงหาคม 2554 เงินสำรองกองทุนของบริษัท ฟินิกซ์ ติดลบอยู่ประมาณ 21 ล้านบาท ทำให้เงินสำรองกองทุนของบริษัทฟินิกซ์ขาดอยู่ถึง 51 ล้านบาท และหากจะต้องมีการเพิ่มเงินสำรองกองทุนให้เป็นไปตามเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามความเสี่ยง(RBC) บริษัทฟินิกซ์จะต้องทำการเพิ่มทุนประมาณ 60-70 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัท ฟินิกซ์ประกันภัย ยังสามารถดำเนินงานในส่วนของกรรมธรรม์ หรือให้บริการลูกค้าเดิมต่อไปได้ แต่ไม่สามารถขยายหรือขายสินค้าใหม่เพิ่มเติมได้โดยจะให้เวลาในการปรับปรุงโครงสร้างให้เป็นไปตามเกณฑ์จนถึง 30 เมษายนนี้ และหากสามารถทำตามเกณฑ์ครบทุกข้อ ก็สามารถทำเนินการขยายกิจการหรือสินค้าใหม่ได้ แต่หากยังไม่สามารถทำได้ก็อาจจะขยายเวลาให้อีกระยะหนึ่ง และหากไม่สามารถทำได้อีกมาตรการสุดท้ายคงจะต้องยึดใบอนุญาตประกอบกิจการ
ทั้งนี้ อยากให้ประชาชนทำความเข้าใจด้วยว่าการซื้อสินค้ากรรมธรรม์หลังจากมีการสั่งระงับการขยายการดำเนินงานจะไม่ได้รับความคุ้มครอง แต่ส่วนของลูกค้าเดิมจะยังคงได้รับความคุ้มครองและจ่ายชดเชยสินไหมตามปกติ
“คำสั่งนี้แค่ห้ามขยายหรือขายสินค้าใหม่ แต่ลูกค้าเดิมยังคงได้รับความคุ้มครองและจ่ายสินไหมตามปกติ เนื่องจากมีกองทุนประกันชีวิต และกองทุนประกันภัยคอยรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ถ้าไปซื้อไม่ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองฉนั้นประชาชนควรรับทราบข้อมูลและพิจารณาให้ดี” นายประเวช กล่าว
นายประเวช กล่าวอีกว่า สำหรับเกณฑ์ที่บริษัท ฟินิกซ์ประกันภัย ต้องปฏิบัติหลังจากนี้ คือ ต้องเร่งดำเนินการให้มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนตามที่กฎหมายกำหนด และจัดสรรสินทรัพย์หนุนหลังให้เพียงพอสำหรับหนี้สินและภาระผูกพันตามสัญญาประกันภัย พร้อมยื่นรายงานประจำเดือน รายงานการดำรงเงินกองทุน และงบการเงินรายไตรมาสที่บริษัทมีหน้าที่ต้องส่งให้ถูกต้องและครบถ้วน
นอกจากนี้ ยังต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนที่ร้องเรียนกับสำนักงาน คปภ.ให้แล้วเสร็จ และจัดให้มีระบบงานและบุคลากรที่มีคุณภาพ มีความพร้อมในระบบบัญชีการเงิน ระบบการเสนอขาย ระบบการพิจารณาการรับประกันภัย ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม หากบริษัท ฟินิกซ์ ไม่สามารถปฏิบัติได้ตามกฎทั้ง 4 ข้อ ก็ยังคงมีทางออกอื่นเช่น การหาพันธมิตร หรือผู้ร่วมทุนใหม่ได้ โดยขณะนี้หลังจากภาวะน้ำท่วมแล้ว ตลาดมีความตื่นตัวในเรื่องของการทำประกันภัยมากขึ้น ทำให้นอกจากบริษัทในประเทศแล้ว ยังมีต่างชาติให้ความสนใจเข้าลงทุนในบริษัทประกันภัยมากขึ้น
“ประกันภัยมีความตื่นตัวหลังน้ำท่วม ซึ่งตอนนี้ก็มีต่างชาติเข้ามาพูดคุยเพื่อลงทุนในบริษัทประกันภัยไทยเช่นกัน แต่ในส่วนของโครงสร้างผู้ถือหุ้นยังคงต้องเป็นไปตามเกณฑ์ โดยหากเกินก็คงพิจารณาก่อน และคงจะไม่เป็นกรณีพิเศษแต่อย่างใด” นายประเวช กล่าว
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ.ได้มีคำสั่งที่ 1/2555 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 ให้บริษัท ฟีนิกซ์ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว เนื่องจากดำรงเงินกองทุนไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ ตามกฎหมายแล้วบริษัทประกันภัยจะต้องมีเงินสำรองกองทุนตามกฎหมาย 30 ล้านบาท แต่จากข้อมูลของทางคปภ. ณ เดือนสิงหาคม 2554 เงินสำรองกองทุนของบริษัท ฟินิกซ์ ติดลบอยู่ประมาณ 21 ล้านบาท ทำให้เงินสำรองกองทุนของบริษัทฟินิกซ์ขาดอยู่ถึง 51 ล้านบาท และหากจะต้องมีการเพิ่มเงินสำรองกองทุนให้เป็นไปตามเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามความเสี่ยง(RBC) บริษัทฟินิกซ์จะต้องทำการเพิ่มทุนประมาณ 60-70 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัท ฟินิกซ์ประกันภัย ยังสามารถดำเนินงานในส่วนของกรรมธรรม์ หรือให้บริการลูกค้าเดิมต่อไปได้ แต่ไม่สามารถขยายหรือขายสินค้าใหม่เพิ่มเติมได้โดยจะให้เวลาในการปรับปรุงโครงสร้างให้เป็นไปตามเกณฑ์จนถึง 30 เมษายนนี้ และหากสามารถทำตามเกณฑ์ครบทุกข้อ ก็สามารถทำเนินการขยายกิจการหรือสินค้าใหม่ได้ แต่หากยังไม่สามารถทำได้ก็อาจจะขยายเวลาให้อีกระยะหนึ่ง และหากไม่สามารถทำได้อีกมาตรการสุดท้ายคงจะต้องยึดใบอนุญาตประกอบกิจการ
ทั้งนี้ อยากให้ประชาชนทำความเข้าใจด้วยว่าการซื้อสินค้ากรรมธรรม์หลังจากมีการสั่งระงับการขยายการดำเนินงานจะไม่ได้รับความคุ้มครอง แต่ส่วนของลูกค้าเดิมจะยังคงได้รับความคุ้มครองและจ่ายชดเชยสินไหมตามปกติ
“คำสั่งนี้แค่ห้ามขยายหรือขายสินค้าใหม่ แต่ลูกค้าเดิมยังคงได้รับความคุ้มครองและจ่ายสินไหมตามปกติ เนื่องจากมีกองทุนประกันชีวิต และกองทุนประกันภัยคอยรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ถ้าไปซื้อไม่ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองฉนั้นประชาชนควรรับทราบข้อมูลและพิจารณาให้ดี” นายประเวช กล่าว
นายประเวช กล่าวอีกว่า สำหรับเกณฑ์ที่บริษัท ฟินิกซ์ประกันภัย ต้องปฏิบัติหลังจากนี้ คือ ต้องเร่งดำเนินการให้มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนตามที่กฎหมายกำหนด และจัดสรรสินทรัพย์หนุนหลังให้เพียงพอสำหรับหนี้สินและภาระผูกพันตามสัญญาประกันภัย พร้อมยื่นรายงานประจำเดือน รายงานการดำรงเงินกองทุน และงบการเงินรายไตรมาสที่บริษัทมีหน้าที่ต้องส่งให้ถูกต้องและครบถ้วน
นอกจากนี้ ยังต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนที่ร้องเรียนกับสำนักงาน คปภ.ให้แล้วเสร็จ และจัดให้มีระบบงานและบุคลากรที่มีคุณภาพ มีความพร้อมในระบบบัญชีการเงิน ระบบการเสนอขาย ระบบการพิจารณาการรับประกันภัย ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม หากบริษัท ฟินิกซ์ ไม่สามารถปฏิบัติได้ตามกฎทั้ง 4 ข้อ ก็ยังคงมีทางออกอื่นเช่น การหาพันธมิตร หรือผู้ร่วมทุนใหม่ได้ โดยขณะนี้หลังจากภาวะน้ำท่วมแล้ว ตลาดมีความตื่นตัวในเรื่องของการทำประกันภัยมากขึ้น ทำให้นอกจากบริษัทในประเทศแล้ว ยังมีต่างชาติให้ความสนใจเข้าลงทุนในบริษัทประกันภัยมากขึ้น
“ประกันภัยมีความตื่นตัวหลังน้ำท่วม ซึ่งตอนนี้ก็มีต่างชาติเข้ามาพูดคุยเพื่อลงทุนในบริษัทประกันภัยไทยเช่นกัน แต่ในส่วนของโครงสร้างผู้ถือหุ้นยังคงต้องเป็นไปตามเกณฑ์ โดยหากเกินก็คงพิจารณาก่อน และคงจะไม่เป็นกรณีพิเศษแต่อย่างใด” นายประเวช กล่าว
