บลจ.ทิสโก้ลั่นAUMปี 55 โตแตะ 1.6 แสนล้านบาท เน้นออกแบบความมั่งคั่งให้ลูกค้าพร้อมเสริมความรู้การลงทุนต่อเนื่องทั้งปี ขณะเดียวกันเดินหน้าลุยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หวังเพิ่มจำนวนนายจ้างอีก 400 ราย ชูนโยบายใหม่Employee’s Choicesแบบ"พอเพียง"ลงทุนตราสารหนี้-ทองคำ แถมบริการใหม่สวิชต์กองทุนอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้ามากขึ้น
นางสาวอารยา ธีระโกเมน กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้(2555)บริษัทจะมุ่งเน้นการทำธุรกิจภายใต้แนวคิดของกลุ่ม คือ การออกแบบความมั่งคั่งให้ชีวิต (Wealth of Possibilities) เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับลูกค้าในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยในส่วนของธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเองจะยังคงเน้นในเรื่องของการให้สมาชิกได้มีทางเลือกอย่างหลากหลาย (Employee’s Choices) ให้สมาชิกได้เลือกลงทุนได้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ควบคู่กับการให้ความรู้สมาชิกอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา(2554)บริษัทมีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ประมาณ 135,000 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพประมาณ 85,000 ล้านบาท ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล 38,000 ล้านบาท และธุรกิจกองทุนรวม 15,000 ล้านบาท โดยในปี55 นี้ ตั้งเป้าจะเติบโตขึ้นแตะ 161,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 15 - 18% แบ่งเป็นการเติบโตในส่วนธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพประมาณ 13 - 15% ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลประมาณ 16% และธุรกิจกองทุนรวมประมาณ 30% ซึ่งหลังจากประเมินว่าทิศทางดอกเบี้ยน่าจะทรงตัวและธนาคารพาณิชย์ไม่น่าจะแข่งเงินฝากรุนแรงในปีนี้ก็น่าจะทำให้ธุรกิจกองทุนรวมกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง ทั้งนี้ในส่วนของธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทเองสิ้นปี54 มีสินทรัพย์สุทธิประมาณ 85,028 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี53 ประมาณ 10% สูงกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมที่โตเพียง 7% เท่านั้น
โดยปัจจุบันบริษัทมีขนาดสินทรัพย์สุทธิในส่วนของธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพใหญ่เป็นอันดับ3 ของอุตสาหกรรม แต่ในแง่ของจำนวนนายจ้างที่ใช้บริการแล้วบริษัทยังเป็นอันดับ1 ของอุตสาหกรรมอยู่ โดยมีบริษัทไว้วางใจให้บริหารกองทุนสูงถึง 2,975 บริษัท คิดเป็น 1 ใน 4 ของบริษัทนายจ้างที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปัจจุบัน
"เราตั้งเป้าการขยายตัวของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยการเพิ่มจำนวนนายจ้างเข้ามาในปีนี้อีกประมาณ 350 - 400 บริษัท ทั้งในส่วนของกองทุนเดี่ยวรวมทั้งกองทุนร่วมลงทุนโดยจะไปเจาะเอาจากบริษัทที่ใช้บริการกับที่อื่นอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่มีระบบที่ดีเท่าที่ลูกค้าต้องการหรือไม่มีทางเลือกอย่างที่ลูกค้าต้องการให้หันมาใช้บริการกับบริษัทก็ยังเป็นเป้าหมายที่บริษัทจะมุ่งเจาะเข้าไปอย่างต่อเนื่อง”นางสาวอารยากล่าว
ด้านนางแขขวัญ โรจน์วัฒนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บลจ.ทิสโก้ กลล่าวว่า ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทที่มีการใช้ระบบ Employee’s Choices ทั้งในส่วนของกองทุนเดี่ยวและกองทุนร่วมลงทุนมีประมาณ 20% จากทั้งหมด แต่ก้มีแนวโน้มที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหลายนโยบาย (Tisco Master Pooled Fund) มีสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 18,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115% และมีจำนวนบริษัท นายจ้างเพิ่มขึ้นเป็น 853 บริษัท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 200% นับจากวันเริ่มต้นกองทุน (1 ก.ค. 52) โดยมีนโยบายให้สมาชิกเลือกมากถึง 5 นโยบาย คือ 1) “อุ่นใจ” ลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 2) “มั่นคง” ลงทุนตราสารหนี้ที่มีความมั่นคง 3) “พอเพียง” ลงทุนในตราสารหนี้ 4) “ผสมสุดคุ้ม” ลงทุนผสมตราสารหนี้และหุ้นไม่เกิน 20% และ 5) “หุ้นจัดหนัก” เน้นลงทุนในหุ้น 100%
“โดยในปี55 นี้ ช่วงไตรมาสที่2-3 บริษัทจะเพิ่มนโยบายการลงทุนใหม่ขึ้นอีก 1 นโยบาย คือ เป็ยนโยบายที่6 คือ “พอเพียง” ที่จะเป็นการลงทุนผสมระหว่างตราสารหนี้และทองคำไม่เกิน 15% รวมทั้งในช่วงครึ่งหลังของปี55 จะเปิดตัวระบบให้สมาชิกสวิชต์การลงทุนผ่านทางเวบไซด์ได้ด้วย ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่เป็นลูกค้าของบริษัทได้ดียิ่งขึ้น ปัจจุบันเพราะสามารถจะเข้าไปเลือกนโยบายการลงทุนได้แบบฟรีสไตล์ ซึ่งเป็นอีกรูปแบบของการเลือกนโยบายที่สมาชิกสามารถที่จะผสมสัดส่วนการลงทุนในทางเลือกการลงทุนต่างๆ ได้ด้วยตัวเองแบบฟรีสไตล์อีกด้วย”
นางสาวอารยา ธีระโกเมน กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้(2555)บริษัทจะมุ่งเน้นการทำธุรกิจภายใต้แนวคิดของกลุ่ม คือ การออกแบบความมั่งคั่งให้ชีวิต (Wealth of Possibilities) เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับลูกค้าในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยในส่วนของธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเองจะยังคงเน้นในเรื่องของการให้สมาชิกได้มีทางเลือกอย่างหลากหลาย (Employee’s Choices) ให้สมาชิกได้เลือกลงทุนได้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ควบคู่กับการให้ความรู้สมาชิกอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา(2554)บริษัทมีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ประมาณ 135,000 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพประมาณ 85,000 ล้านบาท ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล 38,000 ล้านบาท และธุรกิจกองทุนรวม 15,000 ล้านบาท โดยในปี55 นี้ ตั้งเป้าจะเติบโตขึ้นแตะ 161,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 15 - 18% แบ่งเป็นการเติบโตในส่วนธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพประมาณ 13 - 15% ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลประมาณ 16% และธุรกิจกองทุนรวมประมาณ 30% ซึ่งหลังจากประเมินว่าทิศทางดอกเบี้ยน่าจะทรงตัวและธนาคารพาณิชย์ไม่น่าจะแข่งเงินฝากรุนแรงในปีนี้ก็น่าจะทำให้ธุรกิจกองทุนรวมกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง ทั้งนี้ในส่วนของธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทเองสิ้นปี54 มีสินทรัพย์สุทธิประมาณ 85,028 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี53 ประมาณ 10% สูงกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมที่โตเพียง 7% เท่านั้น
โดยปัจจุบันบริษัทมีขนาดสินทรัพย์สุทธิในส่วนของธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพใหญ่เป็นอันดับ3 ของอุตสาหกรรม แต่ในแง่ของจำนวนนายจ้างที่ใช้บริการแล้วบริษัทยังเป็นอันดับ1 ของอุตสาหกรรมอยู่ โดยมีบริษัทไว้วางใจให้บริหารกองทุนสูงถึง 2,975 บริษัท คิดเป็น 1 ใน 4 ของบริษัทนายจ้างที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปัจจุบัน
"เราตั้งเป้าการขยายตัวของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยการเพิ่มจำนวนนายจ้างเข้ามาในปีนี้อีกประมาณ 350 - 400 บริษัท ทั้งในส่วนของกองทุนเดี่ยวรวมทั้งกองทุนร่วมลงทุนโดยจะไปเจาะเอาจากบริษัทที่ใช้บริการกับที่อื่นอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่มีระบบที่ดีเท่าที่ลูกค้าต้องการหรือไม่มีทางเลือกอย่างที่ลูกค้าต้องการให้หันมาใช้บริการกับบริษัทก็ยังเป็นเป้าหมายที่บริษัทจะมุ่งเจาะเข้าไปอย่างต่อเนื่อง”นางสาวอารยากล่าว
ด้านนางแขขวัญ โรจน์วัฒนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บลจ.ทิสโก้ กลล่าวว่า ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทที่มีการใช้ระบบ Employee’s Choices ทั้งในส่วนของกองทุนเดี่ยวและกองทุนร่วมลงทุนมีประมาณ 20% จากทั้งหมด แต่ก้มีแนวโน้มที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหลายนโยบาย (Tisco Master Pooled Fund) มีสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 18,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115% และมีจำนวนบริษัท นายจ้างเพิ่มขึ้นเป็น 853 บริษัท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 200% นับจากวันเริ่มต้นกองทุน (1 ก.ค. 52) โดยมีนโยบายให้สมาชิกเลือกมากถึง 5 นโยบาย คือ 1) “อุ่นใจ” ลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 2) “มั่นคง” ลงทุนตราสารหนี้ที่มีความมั่นคง 3) “พอเพียง” ลงทุนในตราสารหนี้ 4) “ผสมสุดคุ้ม” ลงทุนผสมตราสารหนี้และหุ้นไม่เกิน 20% และ 5) “หุ้นจัดหนัก” เน้นลงทุนในหุ้น 100%
“โดยในปี55 นี้ ช่วงไตรมาสที่2-3 บริษัทจะเพิ่มนโยบายการลงทุนใหม่ขึ้นอีก 1 นโยบาย คือ เป็ยนโยบายที่6 คือ “พอเพียง” ที่จะเป็นการลงทุนผสมระหว่างตราสารหนี้และทองคำไม่เกิน 15% รวมทั้งในช่วงครึ่งหลังของปี55 จะเปิดตัวระบบให้สมาชิกสวิชต์การลงทุนผ่านทางเวบไซด์ได้ด้วย ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่เป็นลูกค้าของบริษัทได้ดียิ่งขึ้น ปัจจุบันเพราะสามารถจะเข้าไปเลือกนโยบายการลงทุนได้แบบฟรีสไตล์ ซึ่งเป็นอีกรูปแบบของการเลือกนโยบายที่สมาชิกสามารถที่จะผสมสัดส่วนการลงทุนในทางเลือกการลงทุนต่างๆ ได้ด้วยตัวเองแบบฟรีสไตล์อีกด้วย”
