xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้ชี้กองสตรัคเจอร์รุ่ง ฝ่ากระแสแบงก์ระดมเงินฝาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ทิสโก้คาดแบงก์ระดมเงินฝากกระทบกองทุนตราสารหนี้ แต่เชื่อยังมีทางออกหลังเลิกค้ำประกันเงินฝากหนุนกองสตรัคเจอร์เกิด เหตุยิลด์ดีแถมคุ้มครองเงินต้น คาดปีนี้ฐานลูกค้าเพิ่มรับอานิสงส์แบงก์แม่ขยายสาขา ขณะเดียวกันเตรียมเจาะกลุ่มลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรม หาผลตอบแทนเพิ่มมากกว่ากองตราสารหนี้

นางสาวอารยา ธีระโกเมน กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้หากธนาคารพาณิชย์มีการระดมเงินฝากก็น่าจะส่งผลกระทบต่อกองทุนรวมที่เป็นตราสารหนี้เหมือนในปีที่ผ่านมา แต่เชื่อว่ายังมีสินค้าบ้างตัวอย่าง กองสตรัคเจอร์ฟันด์ ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากจะสร้างความสนใจแก่นักลงทุนได้

"การเลิกค้ำประกันเงินฝากจะทำให้มีจังหวะในการออกกองสตรัคเจอร์ฟันด์ที่คุ้มครองเงินต้น แต่มีโอกาสรับผลตอบแทนมากกว่าเงินฝาก หลังจากเราลงทุนในตรสารหนี้ต่างประเทศส่วนหนึ่งที่คุ้มครองเงินต้น พร้อมกับลงทุนในหุ้นส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มผลตอบแทน โดยเท่าที่ทราบตอนนี้หากลงทุน 6 เดือนผลตอบแทนของกองประเภทนี้ก็จะอยุ่ที่ประมาณ 3.2% ซึ่งก็ยังสูงกว่าเงินฝาก"นางสาวอารยากล่าว

ส่วนแนวโน้มของธุรกิจกองทุนในปีนี้ก็น่าจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ซึ่งขนาดของสินทรัพย์จะไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นมากนักทั้งในส่วนของกองตราสารหนี้ และหากหุ้นมีการปรับตัวลดลงก็จะส่งผลให้สินทรัพย์รวมเติบโตได้ยากขึ้นด้วย

นางสาวอารยา กล่าวอีกว่า สำหรับในปีที่ผ่านมาบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีทำให้สินทรัพย์รวมเติบโตได้ถึง 16% จากเดิม 1.37 แสนล้านบาทมาอยู่ที่ 1.57 แสนล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนรวม 1.9หมื่นล้านบาท กองทุนส่วนบุคคล 4.2 หมื่นล้านบาท และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 9.5หมื่นล้านบาท
"ในส่วนของปีนี้เราน่าจะได้รับผลดีจากการขยายสาขาของแบงก์ในแง่ของการเพิ่มฐานลูกค้า และเรายังมีแผนเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการลงทุนที่ซับซ้อนขึ้นจากเดิมที่ลงทุนแต่ในกองตราสารหนี้อีกด้วย ซึ่งตรงนี้ยังไม่มีใครทำแต่เราก็มองว่าน่าจะเป็นโอกาส"นางสาวอารยากล่าว

ส่วนกลยุทธ์ในปีนี้ บริษัทยังคงมุ่งตอบโจทย์ความต้องการในด้านการลงทุนของลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง และการบริหารจัดการกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ลูกค้าได้รับผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ โดยในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่บริษัทนับเป็นผู้ริเริ่มรายแรกในตลาด อีกทั้งยังมีความโดดเด่นด้วยการมีนโยบายการลงทุนให้สมาชิกได้เลือกอย่างหลากหลาย (Employee's Choice) ซึ่งในปีนี้ยังจะมีการพัฒนารูปแบบในการเลือกลงทุนให้กับสมาชิกเพิ่มขึ้น รวมถึงจะมีการพัฒนาช่องทางในการปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนของสมาชิกให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

สำหรับธุรกิจกองทุนรวม จะยังคงความโดดเด่นในด้านของกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในต่างประเทศ (FIF) อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของลูกค้า และเหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่วง ส่วนธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลมีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าบุคคลรายใหญ่ (High Net Worth) ที่มีพอร์ตการลงทุน 20 - 40 ล้านบาท โดยจุดเด่นคือ การให้บริการด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์สูง มีการให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ และสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
กำลังโหลดความคิดเห็น