บลจ. ทิสโก้ แนะ เก็บหุ้นจีนเข้าพอร์ต หลังเงินเฟ้อในจีนลดลงและการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และราคาหุ้นจีนขณะนี้ถูกที่สุด ชี้ อัตราดอกเบี้ยเป็นขาลงเงินจึงไหลเข้า หุ้น ทองคำ
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุนธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจเอเชียยังคงเป็นแรงหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ปีนี้เศรษฐกิจเอเชียน่าจะยังคงเติบโตในระดับที่ดีแม้ว่าจะมีการขยายตัวในอัตราที่น้อยลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วจากสาเหตุที่ภาคส่งออกไปยังสหรัฐและยุโรปที่ชะลอตัวลงแต่ด้วยเศรษฐกิจเอเชียมีแรงผลักดันมาจากการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศเป็นหลักจึงทำให้อัตราการขยายตัวยังคงเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่เศรษฐกิจจีนจะยังคงเติบโตได้ในระดับ 8.2% และด้วยแนวโน้มเงินเฟ้อในจีนที่ลดลงโดยล่าสุดอัตราเงินเฟ้อของจีนอยู่ที่ระดับ 4.1%ซึ่งใกล้เคียงกับกรอบเงินเฟ้อของทางการจีนที่ 4% ดังนั้นจึงมีโอกาสค่อนข้างสูงที่ธนาคารกลางจีนจะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ดังนั้น จึงประเมินว่าในตอนนี้เป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่นักลงทุนจะทำการเพิ่มพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย(ไม่รวมญี่ปุ่น) โดยเฉพาะประเทศจีนเนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมของจีนยังมีการขยายตัวในอัตราที่สูงและปัญหาเงินเฟ้อคลี่คลายอย่างชัดเจนนโยบายการเงินจะกลับมาผ่อนคลายหลังจากเข้มงวดมาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจึงเชื่อว่าเศรษฐกิจจีนยังคงมีแนวโน้มที่ดีและเหมาะที่นักลงทุนจะเลือกเป็นการเพิ่มโอกาสในการลงทุน
ด้านนางสาววรสินี สังวรเวชภัณฑ์ หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาการจัดการลงทุน บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า จากแนวโน้มการใช้นโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางในหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงไทยด้วยนั้นจะส่งให้ทำให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อจากนี้อยู่ในช่วงขาลงซึ่งการลงทุนในตราสารหนี้ (Fixed Income) รวมถึงการเงินฝากอาจจะให้ผลตอบแทนที่ไม่จูงใจเท่าที่ควร ดังนั้น หากผู้ลงทุนต้องการเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีควรให้น้ำหนักไปที่การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ได้แก่ หุ้นและทองคำ เป็นต้น
ทั้งนี้การลงทุนในหุ้นนั้น ยังคงแนะนำให้ลงทุนในตลาดหุ้นจีนเป็นหลักเนื่องจากภาพรวมของเศรษฐกิจจีนยังคงมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งประกอบกับตลาดหุ้นจีนเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นต่าง ๆ ทั่วโลกแล้วถือว่าเป็นตลาดที่ถูกที่สุดและมี Upside สูงที่สุดมากกว่า 50% โดยคาดว่าP/E ตลาดหุ้นจีนปีนี้จะปรับตัวสูงขึ้นจากประมาณ 8 เท่ามาอยู่ที่ระดับมากกว่า 12 เท่า
ส่วนการลงทุนในทองคำนับเป็นอีกทางเลือกที่ดีเนื่องจากความต้องการทองคำในตลาดยังคงมีอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะจากธนาคารกลางในประเทศต่าง ๆที่หันการถือครองเงินสกุลดอลลาร์สรัฐฯ มาเป็นทองคำ เพื่อใช้เป็นทุนสำรองอีกทั้งทองคำยังมีคุณสมบัติที่ดีคือช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวม
"ดังนั้น บลจ. ทิสโก้จึงแนะนำพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆของปีนี้ คือ ลงทุนในหุ้นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น) ในสัดส่วน 20% หุ้นจีน 20% สินทรัพย์สภาพคล่องเงินฝาก พันธบัตรระยะสั้น 20% สินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ เช่น ตั๋วบีอี 20% ทองคำ 10% หุ้นไทย 10% " นางสาววรสินี กล่าว
ล่าสุด บลจ.ทิสโก้ ได้เสนอขาย "กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 10% #3" อายุโครงการประมาณ 1 ปีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เปิดขายถึงวันที่ 1 ก.พ. 55 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 20,000 บาท โดยจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Lyxor ETF ChinaEnterprise (HSCEI) (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (ExchangeTraded Fund) ประเภทกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป และกองทุนดังกล่าวจะเลิกโครงการก่อนครบกำหนดอายุโครงการหากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 10% หรือ NAV มีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ