บลจ.กสิกรไทยเปิดขาย 2 กองทตราสารหนี้ระยะสั้น 31-6 กุมภาพันธุ์นี้ ชูยิลด์ 3.40%และ4.0% ต่อปีระบุแนวโน้มดอกเบี้ยครึ่งปีแรกอยุ่ในระดับต่ำ นักลงทุนควรเลือกลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 6เดือน -1 ปี จะได้รับประโยชน์สูงสุด
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า สืบเนื่องธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันในรอบ 3 เดือนเมื่อในวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา ประกอบกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกายังคงอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงทิศทางดอกเบี้ยช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ทั้งในและต่างประเทศจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ทั้่้งนี้ บริษัทเชื่อว่า การล็อกผลตอบแทนด้วยการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้อายุ 6 เดือน - 1 ปีเป็นทางเลือกที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้ลงทุนในช่วงดอกเบี้ยขาลง เนื่องจากปัจจุบันอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลทุกช่วงอายุล้วนปรับลดลงมาแล้ว ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลในประเทศทั้งระยะสั้นและระยะยาวใกล้เคียงกันมากจนแทบจะไม่แตกต่างกัน ในด้านผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น จะเห็นได้ว่าผลตอบแทนพันธบัตรตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปก็ดูไม่น่าสนใจนักเมื่อเทียบกับผลตอบแทน 3 เดือน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตลาดได้มีการคาดการณ์ว่าภายในปีนี้อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอีก 0.25% และอาจทำให้ผลต่างระหว่างผลตอบแทนระยะสั้นและระยะยาวมีมากขึ้น จึงแนะนำให้ผู้ลงทุนเลือกการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือน - 1 ปี เพื่อโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้อายุ 3 เดือนในระยะนี้ แล้วต้องหาโอกาสลงทุนต่ออีก 3 เดือนเมื่อครบกำหนด
นางสาวยุพาวดี กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ไม่มากนัก แต่ยังคงต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจจากกองทุนตราสารหนี้ท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยขาลง บริษัทจึงเตรียมจะทำการเปิดขายกองทุนใหม่ 2 กองทุนประกอบด้วย กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี วี (KFF1YV)และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ดี (KFF6MD)
สำหรับกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี วี (KFF1YV)จะเปิดขายในวันที่ 31 มกราคม - 6 กุมภาพันธ์ 2555 ขนาดกองทุน 10,000 ล้านบาท โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 4.00% ต่อปี เน้นลงทุนในตราสารหนี้ของ Woori Bank, Hyundai Capita และ Export-Import Bank of Korea ในเกาหลีใต้ รวมทั้งเงินฝาก Bank of China สาขามาเก๊าและ Emirates NBD Bank ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ขณะที่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ดี (KFF6MD)จะเปิดขายในวันที่ 1 - 6 กุมภาพันธ์ 2555 ขนาดกองทุน 5,000 ล้านบาท ประมาณการอัตราผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.40% ต่อปี เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะสั้น โดยกองทุนดังกล่าว เน้นลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากขององค์กรและสถาบันการเงินชั้นนำในต่างประเทศ อาทิ ตราสารหนี้ บริษัท GS Caltex ประเทศเกาหลีใต้ ตราสารหนี้ระยะสั้นของ ICBC ประเทศฮ่องกง ตราสารหนี้ ICICI Bank ประเทศอินเดีย เงินฝาก Bank of China สาขามาเก๊าและ Emirates NBD Bank ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทั้ง 2 กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
“การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ หรือ Term fund ยังถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับช่วงนี้ ซึ่งบริษัทยังคงมีกองทุนในกลุ่มดังกล่าวที่มีอายุประมาณ 6 เดือน - 1 ปี เสนอขายอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ โดยทีมผู้จัดการกองทุนยังคงให้ความสำคัญกับการคัดเลือกและมุ่งลงทุนในตราสารหนี้ในต่างประเทศรวมถึงเงินฝากของสถาบันการเงินชั้นนำที่มีอันดับความน่าเชื่อถือดี เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพอใจกว่าผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลในประเทศที่มีอายุใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนที่ยังคงต้องการทางเลือกสำหรับการลงทุนระยะสั้นประมาณ 3 เดือน บริษัทจะยังคงเปิดขายกองทุนดังกล่าวเป็นทางเลือกด้วยเช่นกัน” นางสาวยุพาวดีกล่าวในที่สุด
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า สืบเนื่องธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันในรอบ 3 เดือนเมื่อในวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา ประกอบกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกายังคงอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงทิศทางดอกเบี้ยช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ทั้งในและต่างประเทศจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ทั้่้งนี้ บริษัทเชื่อว่า การล็อกผลตอบแทนด้วยการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้อายุ 6 เดือน - 1 ปีเป็นทางเลือกที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้ลงทุนในช่วงดอกเบี้ยขาลง เนื่องจากปัจจุบันอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลทุกช่วงอายุล้วนปรับลดลงมาแล้ว ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลในประเทศทั้งระยะสั้นและระยะยาวใกล้เคียงกันมากจนแทบจะไม่แตกต่างกัน ในด้านผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น จะเห็นได้ว่าผลตอบแทนพันธบัตรตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปก็ดูไม่น่าสนใจนักเมื่อเทียบกับผลตอบแทน 3 เดือน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตลาดได้มีการคาดการณ์ว่าภายในปีนี้อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอีก 0.25% และอาจทำให้ผลต่างระหว่างผลตอบแทนระยะสั้นและระยะยาวมีมากขึ้น จึงแนะนำให้ผู้ลงทุนเลือกการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือน - 1 ปี เพื่อโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้อายุ 3 เดือนในระยะนี้ แล้วต้องหาโอกาสลงทุนต่ออีก 3 เดือนเมื่อครบกำหนด
นางสาวยุพาวดี กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ไม่มากนัก แต่ยังคงต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจจากกองทุนตราสารหนี้ท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยขาลง บริษัทจึงเตรียมจะทำการเปิดขายกองทุนใหม่ 2 กองทุนประกอบด้วย กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี วี (KFF1YV)และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ดี (KFF6MD)
สำหรับกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี วี (KFF1YV)จะเปิดขายในวันที่ 31 มกราคม - 6 กุมภาพันธ์ 2555 ขนาดกองทุน 10,000 ล้านบาท โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 4.00% ต่อปี เน้นลงทุนในตราสารหนี้ของ Woori Bank, Hyundai Capita และ Export-Import Bank of Korea ในเกาหลีใต้ รวมทั้งเงินฝาก Bank of China สาขามาเก๊าและ Emirates NBD Bank ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ขณะที่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ดี (KFF6MD)จะเปิดขายในวันที่ 1 - 6 กุมภาพันธ์ 2555 ขนาดกองทุน 5,000 ล้านบาท ประมาณการอัตราผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.40% ต่อปี เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะสั้น โดยกองทุนดังกล่าว เน้นลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากขององค์กรและสถาบันการเงินชั้นนำในต่างประเทศ อาทิ ตราสารหนี้ บริษัท GS Caltex ประเทศเกาหลีใต้ ตราสารหนี้ระยะสั้นของ ICBC ประเทศฮ่องกง ตราสารหนี้ ICICI Bank ประเทศอินเดีย เงินฝาก Bank of China สาขามาเก๊าและ Emirates NBD Bank ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทั้ง 2 กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
“การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ หรือ Term fund ยังถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับช่วงนี้ ซึ่งบริษัทยังคงมีกองทุนในกลุ่มดังกล่าวที่มีอายุประมาณ 6 เดือน - 1 ปี เสนอขายอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ โดยทีมผู้จัดการกองทุนยังคงให้ความสำคัญกับการคัดเลือกและมุ่งลงทุนในตราสารหนี้ในต่างประเทศรวมถึงเงินฝากของสถาบันการเงินชั้นนำที่มีอันดับความน่าเชื่อถือดี เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพอใจกว่าผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลในประเทศที่มีอายุใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนที่ยังคงต้องการทางเลือกสำหรับการลงทุนระยะสั้นประมาณ 3 เดือน บริษัทจะยังคงเปิดขายกองทุนดังกล่าวเป็นทางเลือกด้วยเช่นกัน” นางสาวยุพาวดีกล่าวในที่สุด
