บลจ.เอ็มเอฟซี ขายกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 3 เดือน กระจายเงินลงทุนในบอนด์ทั้งในและต่างประเทศ ให้ผลตอบแทน 3.15% ต่อปี เสนอขายถึง 27 มกราคมนี้
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากที่เอ็มเอฟซีกวาดยอดขายจากกองทุนเปิด MSN6M ซึ่งเป็นกองทุนแรกของปีนี้ได้กว่า 600 ล้านบาท เอ็มเอฟซียังคงรุกต่อเนื่องด้วยกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ โดยเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี กาญจนทรัพย์ 3 ซีรี่ส์ 2 ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ ซึ่งจะลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ เหมาะสำหรับผู้ต้องการโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งผู้ลงทุนไม่ต้องเสียภาษีของผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนสำหรับสำหรับบุคคลธรรมดา และเป็นการกระจายการลงทุนนอกเหนือไปจากการลงทุนในตราสารทุนในตลาดหลักทรัพย์
สำหรับกองทุนเปิด MK3S2 มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท อายุประมาณ 3 เดือน ซึ่งจะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ ตราสารภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจ นิติบุคคลเฉพาะ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารต่างประเทศ หรือตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน (Fully Hedge) และหลังครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในอัตราประมาณร้อยละ 3.15 และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรตลาดเงิน (MM-GOV) ซึ่งเป็นกองทุนตลาดเงิน เพื่อผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับโอกาสที่ดีจากการลงทุนอย่างต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ ตัวอย่างตราสารอายุประมาณ 3 เดือนที่กองทุนเปิด MK3S2 คาดว่าจะลงทุน ได้แก่ ตราสารหนี้ระยะสั้น (EMTN) ออกโดยธนาคาร ICBC โดยลงทุนประมาณร้อยละ 24 เงินฝากของ Union National Bank (UAE) โดยลงทุนประมาณร้อยละ 20 เงินฝากของ Bank of China โดยลงทุนร้อยละ 24 และพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยลงทุนประมาณร้อยละ 32 ซึ่งกองทุนสามารถพิจารณาลงทุนในตราสารอื่นแทนหรือเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ ผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณร้อยละ 3.38 ประมาณการค่าใช้จ่ายร้อยละ 0.23 และประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายร้อยละ 3.15 โดยหากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตราสารที่จะลงทุน สัดส่วนการลงทุนและประมาณการผลตอบแทนอาจเปลี่ยนแปลงได้
สำหรับผู้สนใจลงทุนในตราสารหนี้ และเป็นผู้ที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางค่อนข้างสูง สามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 10,000 บาท โดยกองทุนจะเปิดขายหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ 24-27 มกราคมนี้
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากที่เอ็มเอฟซีกวาดยอดขายจากกองทุนเปิด MSN6M ซึ่งเป็นกองทุนแรกของปีนี้ได้กว่า 600 ล้านบาท เอ็มเอฟซียังคงรุกต่อเนื่องด้วยกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ โดยเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี กาญจนทรัพย์ 3 ซีรี่ส์ 2 ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ ซึ่งจะลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ เหมาะสำหรับผู้ต้องการโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งผู้ลงทุนไม่ต้องเสียภาษีของผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนสำหรับสำหรับบุคคลธรรมดา และเป็นการกระจายการลงทุนนอกเหนือไปจากการลงทุนในตราสารทุนในตลาดหลักทรัพย์
สำหรับกองทุนเปิด MK3S2 มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท อายุประมาณ 3 เดือน ซึ่งจะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ ตราสารภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจ นิติบุคคลเฉพาะ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารต่างประเทศ หรือตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน (Fully Hedge) และหลังครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในอัตราประมาณร้อยละ 3.15 และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรตลาดเงิน (MM-GOV) ซึ่งเป็นกองทุนตลาดเงิน เพื่อผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับโอกาสที่ดีจากการลงทุนอย่างต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ ตัวอย่างตราสารอายุประมาณ 3 เดือนที่กองทุนเปิด MK3S2 คาดว่าจะลงทุน ได้แก่ ตราสารหนี้ระยะสั้น (EMTN) ออกโดยธนาคาร ICBC โดยลงทุนประมาณร้อยละ 24 เงินฝากของ Union National Bank (UAE) โดยลงทุนประมาณร้อยละ 20 เงินฝากของ Bank of China โดยลงทุนร้อยละ 24 และพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยลงทุนประมาณร้อยละ 32 ซึ่งกองทุนสามารถพิจารณาลงทุนในตราสารอื่นแทนหรือเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ ผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณร้อยละ 3.38 ประมาณการค่าใช้จ่ายร้อยละ 0.23 และประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายร้อยละ 3.15 โดยหากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตราสารที่จะลงทุน สัดส่วนการลงทุนและประมาณการผลตอบแทนอาจเปลี่ยนแปลงได้
สำหรับผู้สนใจลงทุนในตราสารหนี้ และเป็นผู้ที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางค่อนข้างสูง สามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 10,000 บาท โดยกองทุนจะเปิดขายหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ 24-27 มกราคมนี้