xs
xsm
sm
md
lg

Kasset จับมือ PIMCO เฟ้นบอนด์คุณภาพทั่วโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ. กสิกรไทย จับมือ PIMCO เฟ้นตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลก ประเดิม "เปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี เอส" มูลค่าหมื่นล้าน ลุยตราสารหนี้ของสถาบันการเงินในประเทศบราซิล พร้อมเฮจด์ทั้งจำนวน ชูผลตอบแทน 4% ไอพีโอถึง 7 ธันวาคมนี้

นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า จากการที่ บลจ. กสิกรไทย ได้เสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ และได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ลงทุนมาโดยตลอด ซึ่งยังคงสะท้อนถึงความต้องการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีที่ให้โอกาสรับผลตอบแทนน่าสนใจภายใต้ระดับความเสี่ยงต่ำนั้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการลงทุนและเพิ่มพูนโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศแก่ผู้ลงทุน ตลอดทั้งขยายศักยภาพในการลงทุนของบลจ. กสิกรไทย ไปยังตราสารหนี้ในทุกภูมิภาคทั่วโลก บลจ.กสิกรไทย จึงได้ร่วมมือกับ PIMCO บริษัทจัดการลงทุนชั้นนำ ซึ่งได้รับการยอมรับจากนักลงทุนระดับสากลในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการลงทุนในตราสารหนี้ และเป็นผู้จัดการกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้ทำหน้าที่ร่วมวิเคราะห์และคัดเลือกตราสารหนี้ในภูมิภาคต่างๆ ตลอดทั้งติดตามการลงทุนและให้ข้อมูลด้านเครดิตของตราสารที่ลงทุนไปแล้วแก่ บลจ. กสิกรไทยอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการดึง PIMCO เข้ามาร่วมมือกันด้านการวิเคราะห์และคัดเลือกตราสารหนี้ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกครั้งนี้ ถือเป็นการเพิ่มพูนศักยภาพในการคัดเลือกและลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศของ บลจ.กสิกรไทยขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เนื่องจาก PIMCO มีสำนักงานกระจายอยู่ถึง 11 แห่งในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก พร้อมด้วยทีมงานด้านการจัดการลงทุนอีกกว่า 500 คน ทำให้มีศักยภาพสูงในการวิเคราะห์สภาวะตลาดในแต่ละภูมิภาค และสามารถเข้าถึงตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของประเทศต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง นอกจากนี้การที่ PIMCO มีทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการสูงถึง 41 ล้านล้านบาท* ซึ่งมากกว่า GDP ของประเทศเราเองถึง 4 เท่าตัว และ 90% ของทั้งหมดเป็นพอร์ตกองทุนตราสารหนี้ จุดเด่นข้อนี้ทำให้มีอำนาจต่อรองทั้งในเรื่องของราคา ปริมาณ และอายุของตราสารด้วย ผู้ลงทุนจึงมั่นใจได้ว่า ตราสารหนี้ต่างประเทศที่บลจ. กสิกรไทย คัดเลือกมาให้ลงทุนนับจากนี้ ได้ผ่านการกลั่นกรองคุณภาพและวิเคราะห์ระดับความเสี่ยงมาแล้วอย่างดีโดยทีมผู้จัดการกองทุน ตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยต้นทุนในการลงทุนที่สมเหตุสมผล และให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตาม PIMCO จะเข้ามาช่วยทำหน้าที่เป็นผู้คัดเลือกและแนะนำตราสารเท่านั้น สำหรับการตัดสินใจลงทุน ยังคงเป็นการตัดสินใจลงทุนโดย บลจ.กสิกรไทย ซึ่งมีคณะกรรมการการลงทุน และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงทำหน้าที่พิจารณาเลือกลงทุนอีกครั้งหนึ่ง และที่สำคัญตราสารที่ PIMCO นำเสนอให้กับ บลจ. กสิกรไทย จะเป็นตราสารตัวเดียวกันกับที่ PIMCO เองมีการลงทุนอยู่ด้วย

สำหรับกองทุนแรกที่ บลจ. กสิกรไทย จะเข้าลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่ผ่านการร่วมคัดสรรจาก PIMCO คือ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี เอส (KFF1YS) ขนาดกองทุน 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะลงทุนส่วนหนึ่งในตราสารหนี้ของสถาบันการเงินในประเทศบราซิล อาทิ เงินฝาก Itau Unibanco S.A. และ ตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A. พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ประมาณการโอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 4% ต่อปี โดยจะเสนอขายครั้งเดียวในวันที่ 1-7 ธันวาคม 2554

นายประเสริฐกล่าวต่อว่า สำหรับความน่าสนใจของการลงทุนในประเทศบราซิลนั้น ถือว่ามีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจสูง เพราะไม่เพียงเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 7 ของโลก และเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศ BRICS ที่เป็นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง หากยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ทั้งน้ำมัน ทองคำ ดีบุก และเหล็ก ทั้งยังเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลก ในขณะที่ด้านอุตสาหกรรมก็มีความโดดเด่น โดยเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตชั้นนำของโลกทั้งรถยนต์และเครื่องบิน ในแง่เศรษฐกิจของบราซิล แม้ว่าจะมีการชะลอตัวลงบ้างตามภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ก็ยังสามารถคงอัตราการเติบโตที่เป็นบวกได้อยู่ โดย GDP ในปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตกว่า 7% รองจากจีนและอินเดีย และมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมากถึง 3.5 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 6 ของโลก

“เรามองว่าทั้งภาคเศรษฐกิจและภาคการเงินการธนาคารของบราซิล ยังมีความแข็งแกร่งสูง แม้ว่าในมุมของเศรษฐกิจ อาจจะมีความกังวลเรื่องของอัตราเงินเฟ้อและการขาดดุลการค้าอยู่บ้าง แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติของประเทศกำลังพัฒนาที่มีการขยายตัวสูง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทั้งอัตราเงินเฟ้อและยอดการขาดดุลการค้าก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องและการฟื้นตัวของภาคการส่งออก ส่วนภาคการเงินธนาคาร แม้จะมีการขยายตัวของสินเชื่อค่อนข้างมาก แต่ทางการของบราซิลก็ได้กำหนดอัตราส่วนกันสำรองเงินฝากเอาไว้ถึง 32% ซึ่งนับเป็นอัตราที่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศไทยซึ่งกำหนดไว้เพียงแค่ 6% และหากจะมองกันที่อัตราเงินทุนสำรองของธนาคาร ประเทศบราซิลก็มีการกำหนดขั้นต่ำไว้ที่ 11% ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่สูงกว่ามาตรฐานโลก จึงทำให้เชื่อมั่นได้ว่าภาคการเงินของบราซิลยังคงมีความแข็งแกร่งสูง และโดยภาพรวมแล้วตราสารหนี้ในบราซิลจะยังเป็นทางเลือกที่ดีและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจให้แก่ผู้ลงทุนได้” นายประเสริฐกล่าวในที่สุด

ผู้สนใจลงทุนในกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี เอส (KFF1YS) สามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือติดต่อ KAsset Contact Center 0 2673 3888
กำลังโหลดความคิดเห็น