xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อหุ้น-ทองเจอวิกฤตศก.โลก ลงทุนอย่างไรดีจึงปลอดภัย...

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จากปัญหาวิกฤตหนี้ของสหรัฐและยุโรปที่ยังไม่มีทางออกของปัญหา ส่งผลให้ตลาดหุ้นและทองคำเกิดความผันผวนหนักและจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีปรับพอร์ตลง....เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเราลองมาฟังมุมมองผู้จัดการกองทุนกันดูบ้างว่า ความรุนแรงเกิดขึ้นในอนาคตจะเป็นอย่างไร และเมื่อเป็นแบบนี้แล้วจะหนีหรือหันหน้าไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทไหนดีถึงจะปลอดภัยและสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีด้วย

บุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต เริ่มบอกว่า สถานการณ์ของสหรัฐฯและยุโรปเกิดขึ้นขณะนี้ คาดว่ายังคงไม่สามารถจบได้เร็ว แต่ในขณะนี้ดูเหมือนว่ายุโรปจะแย่กว่าสหรัฐ อย่างไรก็ตามแม้ว่าค่าเงินดอลลาร์ในขณะนี้จะแข็งขึ้น แต่อีกสักระยะหนึ่งเมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทองคำก็จะกลับมาอีกครั้งเมื่อสถานการณ์การลงทุนเป็นเช่นนี้แล้ว เรามองว่า ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการทยอยซื้อหุ้นราคาถูกเก็บสะสมไว้ หรืออาจพักเงินลงทุนไว้ในกองทุนรวมตลาดเงินเพื่อเป็นการรอดูจังหวะต่อไป
 

" สำหรับกองทุนหุ้นของบริษัทเอง บริษัทได้ทำการปรับลดพอร์ตการลงทุนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และในขณะนี้เป็นการค่อย ๆ ทยอยเติมเข้าไป เพราะอย่างที่บอกในตอนแรกว่า ราคาค่อนข้างถูก" บุญชัย บอก

บุญชัย บอกต่อไปอีกว่า กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เราต้องรอดูไปจนถึงสิ้นปีนี้ก่อนว่าจะไปในทิศทางไหน ปีหน้าจะได้มีการปรับแผนการลงทุนต่อไปได้ ซึ่งคาดว่าในช่วงสิ้นปีจะมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทางออกของยุโรปและสหรัฐ

สมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย บอกว่า จากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะส่งผลต่อความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกและไทยด้วย ซึ่งปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงนี้ คือ การเคลื่อนไหวของเงินทุนระหว่างประเทศ ซึ่งเกิดจากความเสี่ยงด้านเครดิตของกลุ่มประเทศในยุโรปและเริ่มส่งผลต่อสภาพคล่องของสถาบันการเงินจึงทำให้สถาบันการเงินต่างๆ รวมถึงกองทุนระหว่างประเทศขายสินทรัพย์ต่างๆ หันไปถือครอง สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเพิ่มขึ้น เช่น พันธบัตรรัฐบาล เงินดอลลาร์ เป็นต้น
 

ทั้งนี้การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีอายุระยะสั้น ถือว่าเป็นทางเลือกเพราะมีความในระดับต่ำ และถือเป็นที่พักเงินไว้ในระยะสั้น ๆ ก่อนที่จะหาโอกาสในการลงทุนต่อไป นอกจากนี้ ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนถือว่ายังน่าสนใจอยู่

ชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บลจ. อเบอร์ดีน จำกัด บอกว่า ตลาดหุ้นต่างประเทศในขณะนี้ค่อนข้างมีความผันผวนโดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาหนี้ในยุโรปและการว่างงานในสหรัฐฯที่สูงส่งผลให้ตลาดหุ้นในช่วงนี้มีความผันผวนค่อนข้างมากและปรับตัวขึ้นลงตามข่าวรายวันเป็นส่วนใหญ่

ทั้งนี้ในส่วนของกองทุนหุ้นต่างประเทศของอเบอร์ดีนนั้น ผลตอบแทนปรับตัวลดลงมามากจากปัญหาในยุโรปและสหรัฐฯแต่ยังไม่มากเมื่อเทียบกับดัชนีซึ่งลงมามากกว่า อย่างไรก็ตามบริษัทที่เราลงทุนอยู่นั้นยังมีความปลอดภัยเพียงแต่ช่วงนี้นักลงทุนเทขายหุ้นออกไปมากเนื่องจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่ดี

"ต้องบอกว่าในตอนนี้ตลาดหุ้นจะยังมีความผันผวนค่อนข้างมากแต่อย่างไรก็ตามหากนักลงทุนมองที่ราคาหุ้นซึ่งค่อนข้างถูกและถือในระยะยาวแล้วตอนนี้ยังเป็นโอกาสที่ลงได้เพราะราคาปรับตัวลงมามาก เพียงแต่นักลงทุนส่วนใหญ่มองการลงทุนในช่วงสั้นถึงยังไม่กล้าเข้าลงทุน" นายชัยเกษม บอก

ชัยเกษม บอกต่ออีกว่า ปัญหาหนี้ยุโรปและสหรัฐฯนั้นจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆแต่หากมองที่ปัจจัยพื้นฐานแล้วยังคงดีอยู่ส่วนกองหุ้นในประเทศไทยนั้น ของอเบอร์ดีนยังให้ผลตอบแทนที่ดีเพราะเลือกลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดี

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย รายงานว่า จากความผัวผวนของการลงทุนในหุ้นและทองคำช่วงที่ผ่านมา บริษัทอยากแนะนำผู้ลงทุนระยะสั้นควรจะชะลอการลงทุนออกไปจนกว่าภาพตลาดจะมีความชัดเจนมากขึ้น แต่นักลงทุนระยะยาว อาจจะแบ่งเงินเพื่อทยอยลงทุนได้ เนื่องจากตลาดหุ้นในปัจจุบัน อยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ โดยในระหว่างนี้ ผู้ลงทุนสามารถพักเงินลงทุนในกองทุนตลาดเงิน เพื่อรอดูสถานการณ์ หรืออาจจะลงทุนในกองทุนตราสารหนี้แบบมีกำหนดระยะเวลาที่บริษัทนำเสนอออกมาอย่างต่อเนื่องได้เช่นกัน เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำเพราะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมองแนวโน้มการลงทุนในระยะยาวของหุ้นและทองคำยังคงเป็นบวก โดยช่วงที่ผ่านมาถึงแม้ความกังวลในปัญหาหนี้ภาครัฐของยุโรป ซึ่งส่งผลต่อสภาพคล่องของสถาบันการเงินในยุโรป ทำให้นักลงทุนต่างประเทศมีการถอนการลงทุนจากตลาดเกิดใหม่รวมถึงหุ้นไทยส่งผลให้มีการปรับตัวลดลงอย่างมาก โดยระยะเวลาเพียง 3 วัน ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงถึงกว่า 10 % ทะลุระดับ 1,000 จุดลงมาในที่สุดก็ตาม

นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีมุมมองที่ดีต่ออัตราการขยายตัวของกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีหน้า ซึ่งแม้ว่าอาจจะชะลอตัวลงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกแต่มาตรการปรับลดภาษีนิติบุคคลของรัฐบาล น่าจะส่งเสริมให้อัตราการขยายตัวของกำไรในปีหน้ายังคงอยู่ที่ระดับ 10 - 12% ได้ โดยยังคงต้องจับตามาตรการของรัฐบาลในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนราคาทองคำถึงแม้จะอ่อนตัวลงไปแตะระดับ 1,500 ดอลล่าร์สหรัฐต่อออนซ์ในระยะสั้น แต่ในระยะยาวปัจจัยเรื่องปัญหาหนี้สินในยุโรป ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่เปราะบางในสหรัฐฯ จะยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ จึงถือเป็นโอกาสที่ผู้ลงทุนทยอยเข้าลงทุนเพิ่มเติม
กำลังโหลดความคิดเห็น