xs
xsm
sm
md
lg

KTAMยิ้มยอดขายกองLTF-RMFพุ่ง เร่งหาโปรดักส์ใหม่เพิ่มช้อยส์ให้นลท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมชัย บุญนำศิริ
บลจ.กรุงไทย ปลื้มปิดยอดขายกองทุน LTF-RMF ปี 2554 กวาดเงินกว่า 3,500 ล้านบาท รับทรัพย์เพิ่มขึ้นจากปี 53 เกือบ 2,000 ล้านบาท ล่าสุดเตรียมหาช่องทางการลงทุนกองทุน RMF ใหม่เอาใจนักลงทุน

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงปลายปีที่ผ่านมา บลจ.กรุงไทย สามารถทำยอดขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ได้ประมาณ 3,500 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2553 ประมาณ 2,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาการซื้อผ่านบัตรโดยเฉพาะกับบัตรเครดิต KTC นั้นค่อนข้างมีปัญหาเนื่องจากนักลงทุนไม่สามารถไปรูดซื้อหน่วยลงทุนได้ที่ธนาคารกรุงไทย ทั้งนี้สาเหตุเกิดจากตัวระบบของบัตรเครดิต KTC มีปัญหาและได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้ยอดขายผ่านการรูดซื้อผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทยค่อนข้างมีน้อย โดยในปีนี้นักลงทุนที่มีบัตรเครดิต KTC สามารถซื้อหน่วยลงทุนกองทุน LTF-RMF ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทยได้แล้ว

"ในส่วนของกองทุน RMF นั้น ทางบลจ.กรุงไทยกำลังพิจารณาผลิตภัฑณ์ รวมถึง รูปแบบการลงทุนใหม่ๆให้กับนักลงทุนกองทุน RMF เพื่อให้สอดคล้องกับการลงทุนระยะยะยาว เชื่อว่าอีกไม่นานจะมีโปรดักส์ใหม่เข้าสู่ตลาดเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน"นายสมชัยกล่าว

ก่อนหน้านี้นายสมชัย กล่าวถึงช่องทางการขายของบลจ.กรุงไทย ว่า เรามีช่องทางการขายดีขึ้น โดยเฉพาะการขยายตลาดไปยังตลาดภูมิภาค ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเน้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าในช่วงแรกนักลงทุนในส่วนภูมิภาคจะรับความเสี่ยงได้ค่อนข้างน้อยแต่ใน ระยะถัดมานักลงทุนมีความเข้าใจในการลงทุนมากขึ้นและพร้อมที่จะรับความเสี่ยง จากการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้บลจ.กรุงไทยเองได้เปรียบเรื่องของสาขาของธนาคารกรุงไทย ที่มีสาขาในต่างจังหวัดค่อนข้างมาก ปัจจุบันสัดส่วนของลูกค้าในภูมิภาคอยู่ที่ประมาณ 44 % ในกรุงเทพประมาณ 55% ซึ่งเรามีเป้าที่จะปรับสัดส่วนของทั้งภูมิภาคและกรุงเทพให้เท่ากันคือ 50% โดยภายใน 2 ปีข้างหน้า โดยจะเน้นการขยายฐานลูกค้าให้เป็นเอกชนมากขึ้นเพราะส่วนใหญ่ลูกค้าของกรุงไทยจะเป็นข้าราชการและรัฐวิสหกิจ

สำหรับแผนการออกกองทุนในปี 2555 นั้น เราจะมีการออกโปรดักส์ที่ซับซ้อนมากขึ้นเพื่อขยายฐานลูกค้าที่มีความรู้ความ เข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า เช่นกองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีในภูมิภาคเอเชียที่มีการเติบโตซึ่งกำลังอยู่ในช่วงการขั้น ตอนการพิจราณา

ในส่วนของเทอมฟันด์ก็คงจะมีเหมือนเดิมแต่อาจจะมีการหาตราสารหนี้ ใหม่ๆที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ เช่น อินโดนีเซีย หรือ อินเดีย เป็นต้น ซึ่งผลตอบตอบแทนที่ดีต้องจูงใจด้วยเช่นกัน นอกจากนี้กองทุนอสังหาริมทรัพย์เราก็ยังให้ความสำคัญเช่นกัน ซึ่งแผนในปีหน้าก็จะมีกองทุนไอพีโอเพิ่มอีกโดยเฉพาะกองทุนอสังหาฯเทสโก้โลตัส และกองทุนอสังหาฯของกลุ่มทีซีซี แลนด์ อีกด้วย ขณะที่กองทุนส่วนบุคคลนั้นเรามีแผนที่จะเจาะกลุ่มสถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ และสหการณ์ เป็นต้น ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นเราจะเปิด Employee choiseให้สมาชิกได้เลือกการลงทุนเองอีกด้วย

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการประกันเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาทในเดือนสิงหาคมปี 2555 เรามองว่าลูกค้าที่ฝากเงินธนาคารรัฐบาล หรือธนาคารใหญ่ก็ยังไม่ค่อยจะดึงเงินออกมา เนื่องจากมั่นใจว่าธนาคารจะไม่มีผลกระทบ นอจากนี้ธนาคารก็คงมีมาตรการระดมเงินฝากอย่างต่อเนื่อง แต่หากเป็นธนาคารต่างชาติหรือธนาคารขนาดเล็กเงินในส่วนนี้ก็คงจะมี การย้ายออกมาซึ่งการลงทุนในกองทุนรวมก็น่าจะตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวได้ " นายสมัชยกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น