xs
xsm
sm
md
lg

ปี55ตลาดกองทุนรวมคึกคัก เตรียมเข็นผลิตภัณฑ์ใหม่รับดีมานด์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถึงแม้ว่าปีที่ผ่านมาธุรกิจกองทุนรวมจะไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่นัก หลังเจอธนาคารพาณิชย์ต่างออกแคมเปญการออมเด็ด ๆ ออกมา เพื่อเป็นการแย่งชิงกลุ่มนักลงทุนกันเป็นว่าเล่น แต่อย่างไรก็ตามในปีหน้าที่พรบ. ประกันเงินฝากจะมีผลให้ลดวงเงินรับประกันเงินฝากเพียงบัญชีละ 1 ล้านบาท ในช่วงเดือนสิงหาคม นี้ เชื่อว่ากลุ่มนักลงทุนจะหันเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมเพิ่มมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้หลาย ๆ บลจ. ต่างออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อรองรับการกระจายเงินออมของนักลงทุน

นายกสมาคม บลจ. และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. บัวหลวง อย่าง "วรวรรณ ธาราภูมิ"  บอกว่า ในปี 2555 นี้อุตสาหกรรมกองทุนจะมีการแข่งขันกันมากขึ้นและน่าจะมีการเติบโตใน 2 ลักษณะคือ จะมีการเติบโตขึ้นจากการรักษาส่วนแบ่งในตลาดและเพิ่มขึ้นของเม็ดเงินโดยการดึงลูกค้าจากธนาคารและคู่แข่ง และอีกส่วนคือการเติบโตของกลุ่มที่ไม่เน้นในเรื่องการแข่งขันของขนาดกองทุนแต่เน้นไปที่การเติบโตของโปรดักส์เป็นหลัก ขณะที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็จะมีการแข่งขันการมากขึ้น

ทั้งนี้มองว่าในปี 2555 เม็ดเงินในระบบที่มากจะทำให้มีการแข่งขันกันมากขึ้นจึงมีแนวโน้มเป็นไปได้ที่อุตสาหกรรมกองทุนรวมจะมีขนาดเล็กลง แต่อย่างไรก็ตามอยากให้อุตสากรรมกองทุนรวมเป็นไปในลักษณะของการลงทุนที่แท้จริง ไม่อยากให้ใช้การแข่งขันด้วยการแจกโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาซื้อกองทุนรวม แต่ก็ไม่ได้เป็นการขัดขวางวีธีทางการตลาดแต่อย่างใด

ขณะเดียวกันจากปัญหาอุทกภัยได้ส่งผลต่อบรรยากาสการลงทุนในธุรกิจกองทุนรวมทำให้การลงทุนหายไปในทุกด้าน โดยผู้ลงทุนจำนวยนมากเลือกถือเงินสด รวมถึงเลือกลงทุนในสินทรัพย์ทื่ปลอดภัยแลัมีสภาพคล่องและส่วนหนึ่งไม่ลงทุนเพิ่มแต่เลือกสำรองไว้ซ่อมแซมความเสียหายจากน้ำท่วมที่พักอาศัย แต่ในปี 2555 จะเกิดการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการลงทุนในกองทุนหุ้น LTF -RMF ที่น่าจะฟื้นกลับมาเป็นปกติได้ แต่ก็คงไปเน้นในช่วงปลายปี แต่อย่างไรก็ตามอยากให้นักลงทุนได้ ลงทุนอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนเพราะจะส่งผลดีต่อตนเองมากกว่า

ด้าน อนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. ซีไอเอ็มบี - พรินซิเพิล (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า การแข่งขันในอุตสาหกรรมกองทุนรวมปี 2555 นี้จะมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น โดยเราจะให้ความสำคัญในเรื่องของบริการมากยิ่งขึ้น รวมถึงการออกกองทุนผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมารองรับกลุ่มนักลงทุน ซึ่งบริษัทฯ ของเราเองเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาทุก ๆ เดือน

โดยในเดือนมกราคม นี้ บริษัทเตรียมออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งกองทุน อยู่ในรูปของอินฟราสตักเจอร์ และเป็นรูปแบบฟันด์ออฟฟันด์ ซึ่งให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง ซึ่งจะเป็นการเสนอขายในระดับภูมิภาคได้ กองทุนดังกล่าวจะมีมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท และจะทำการจ่ายเงินในรูปของการซื้อหน่วยลงทุนอัตโนมัติแบบทุก ๆ ไตรมาส ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 7 - 9%

นอกจากนี้แล้วบริษัทเตรียมบุกธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล โดยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 3,000 - 4,000 ล้านบาท ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นพรินซิเพิลที่สหรัฐอเมริกา เป็นบริษัทที่ใหญ่มาก ในธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกว่า 10 ล้านล้านบาท อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์กองทุนสำรองเลี้ยงชีพมากมาย ทำให้เราในปีหน้าจะมีการบุกธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมากยิ่งขึ้น

ขณะเดียว จะเห็นได้ว่าในเมืองไทยยังให้ความสำคัญในส่วนนี้น้อยมาก ขณงของผลตอบแทนก็ค่อนข้างต่ำ ลักษณะการลงทุนมีอยู่ 2 - 3 รูปแบบเท่านั้น ดังนั้นบริษัทจึงให้ความสำคัญกับช่วงวัยเกษียณอายุที่จะสามารถลงทุนได้ต่อ แต่ต้องดูในเรื่องของสภาพคล่องและเรื่องของภาษีด้วย เพราะในช่วงหลังอายุ 60 ปี ไปแล้วลูกค้ากลุ่มนี้อาจจะไม่สามารถลงทุนที่เสี่ยงได้มากนัก

“ในช่วง 2 - 3 ปี ข้างหน้านี้การลงทุนในประกันชีวิตกับกองทุนรวมจะรวมกันเป็นรูปแบบของการลงทุน 1 เดียว หรือเป็นการลงทุนร่วมกันในอินชัวร์รัน โดยโปรดักซ์จะเป็นแบบผสมรวมกันหมด ดังนั้นที่ผ่านมาตลาดของคนที่เกษียณอายุหลัง 60 ปีเริ่มมีมากขึ้นจากการโฆษณาของบริษัทประกันต่าง ๆ เพราะบริษัทประกันเห็นว่าคนแก่ก็มีกำลังในการลงทุน ดังนั้นเราจึงเริ่มให้ความสำคัญ”

ส่วนกองทุนส่วนบุคคลในปีหน้าจะมีการขยายเพิ่มมาขึ้น ขณะนี้บริษัทเริ่มเข้าไปเปิดตัวกับสถาบันทางการเงินก่อนเป็นหลัก และค่อยขยายไปสู่นักลงทุนรายย่อยต่อไป นอกจากนี้ในเรื่องของผลตอบแทนบริษัทฯยังคงเน้นให้ความสม่ำเสมอ รวมถึงในเรื่องของความปลอดภัย

ขณะที่ สมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้การ บลจ. กรุงไทย บอกว่า ภายใน 2 ปีข้างหน้า โดยจะเน้นการขยายฐานลูกค้าให้เป็นเอกชนมากขึ้นเพราะส่วนใหญ่ลูกค้าของกรุงไทยจะเป็นข้าราชการและรัฐวิสหกิจ

สำหรับแผนการออกกองทุนในปี 2555 นั้น เราจะมีการออกโปรดักส์ที่ซับซ้อนมากขึ้นเพื่อขยายฐานลูกค้าที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า เช่นกองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนีในภูมิภาคเอเชียที่มีการเติบโตซึ่งกำลังอยู่ในช่วงการขั้นตอนการพิจราณา

ในส่วนของเทอมฟันด์ก็คงจะมีเหมือนเดิมแต่อาจจะมีการหาตราสารหนี้ใหม่ๆที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ เช่น อินโดนีเซีย หรือ อินเดีย เป็นต้น ซึ่งผลตอบตอบแทนที่ดีต้องจูงใจด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้กองทุนอสังหาริมทรัพย์เราก็ยังให้ความสำคัญเช่นกัน ซึ่งแผนในปีหน้าก็จะมีกองทุนไอพีโอเพิ่มอีกโดยเฉพาะกองทุนอสังหาฯเทสโก้โลตัส และกองทุนอสังหาฯของกลุ่มทีซีซี แลนด์ อีกด้วย ขณะที่กองทุนส่วนบุคคลนั้นเรามีแผนที่จะเจาะกลุ่มสถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ และสหการณ์ เป็นต้น ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นเราจะเปิด Employee choiseให้สมาชิกได้เลือกการลงทุนเองอีกด้วย

แม้ว่าจะมีการประกันเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาทในเดือนสิงหาคมปีหน้า เรามองว่าลูกค้าที่ฝากเงินธนาคารรัฐบาล หรือธนาคารใหญ่ก็ยังไม่ค่อยจะดึงเงินออกมา เนื่องจากมั่นใจว่าธนาคารจะไม่มีผลกระทบ นอจากนี้ธนาคารก็คงมีมาตรการระดมเงินฝากอย่างต่อเนื่อง
แต่หากเป็นธนาคารต่างชาติหรือธนาคารขนาดเล็กเงินในส่วนนี้ก็คงจะมีการย้ายออกมาซึ่งการลงทุนในกองทุนรวมก็น่าจะตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวได้" นายสมัชยกล่าว

ด้านศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เกียรตินาคิน จำกัด บอกว่า ในปีหน้าอุตสาหกรรมกองทุนรวมไม่น่าจะมีการหดตัวลงเพราะจะมีเงินไหลเข้าไปลงทุนในทางใดทางหนึ่งจากปัจจัยในเรื่องของ พรบ.คุ้มครองเงินฝาก ที่จะลดลงอีกในปีหน้าดังนั้นหากทางแบงก์ต่างๆไม่ดึงเงินฝากไปมากอุตสาหกรรมน่าจะมีการเติบโตอยู่ โดยโอกาสของธุรกิจกองทุนรวมในปีหน้าจึงยังคล้ายไกับในปีนี้ แต่เพิ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานมาเป็นโอกาส
กำลังโหลดความคิดเห็น