ASTVผู้จัดการรายวัน - โมเดอร์นฟอร์มฯ มั่นใจปี54ตลาดรวมเฟอร์นิเจอร์โตต่อเนื่อง ระบุแนวโน้มตลาดเฟอร์นิเจอร์สำนักงานขยายตัวสูงหลังทุนนอก-ธุรกิจต่างชาติกลับมาขยายการลงทุนเพิ่ม จากปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศกลับมาขยายตัว คาดเฟอร์นิเจอร์ออฟฟิศโต20% ขณะเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่อาศัยโต15% แจงยอดขายปี53กว่า3,500ล้านบาท รับรู้2,800-2,900ล้านบาท ตั้งเป้าปี54ยอดขายรวมโต20% หรือมียอดขายกว่า4,000ล้านบาท พร้อมประกาศยืนราคาสินค้าให้นานที่สุดแม้ทุนรวมปรับตัวแล้วกว่า10%
นายทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการ บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าแม้ปัจจัยลบด้านต้นทุนน้ำมันที่ผันผวนอยู่ในขณะนี้ และปัญหาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกาจะส่งผลต่อตลาดส่งออกเฟอร์นิเจอร์ แต่แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเอเชียยังส่งผลต่อการเติบโตของเฟอร์นิเจอร์ในภูมิภาคให้เติบโตได้ ในขณะที่ตลาดเฟอร์นิเจอร์ในประเทศนั้น ยังได้รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลให้ในปี2554 นี้ตลาดเฟอร์นิเจอร์ในประเทศยังมีอัตราการขยายตัวที่ดี
“อย่างไรก็ตามอัตราการขยายตัวของตลาดเฟอร์นิเจอร์ในประเทศนั้น จะมีอัตราการเติบโตได้มากหรือน้อยกว่าปีที่ผ่านมานั้นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทางด้านการเมือง ซึ่งหากไม่เกิดเหตุรุนแรงจนทำลายบรรยากาศในการลงทุนของทุนจากต่างประเทศเชื่อว่าจะส่งผลให้ตลาดรวมในปีนี้ขยายตัวเท่าๆกับปีที่ผ่านมา”
ทั้งนี้ ในส่วนของตลาดอสังหาฯยังมีแนวโน้มการขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อนหน้าแม้ว่าจะมีปัจจัยลบจากการปรับตัวของต้นทุนวัสดุก่อสร้าง น้ำมัน และการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งคาดว่าจะกระทบต่อกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าในตลาดระดับกลาง-ล่างได้ โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่ปัจจุบันมีสต๊อกค้างในตลาดจำนวนหนึ่ง ทำให้ในปีนี้คาดว่าจำนวนโครงการคอนโดมิเนียมหรือโครงการอาคารชุดจะมีการลงทุนลดลงจากปีที่แล้วมา
แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าแนวโน้มการลงทุนพัฒนาโครงการอาคารชุดของผู้ประกอบการจะลดลง แต่แนวโน้มการขยายตัวของตลาดอสังหาฯยังคงมีอยู่จากการขยายตัวของตลาดบ้านแนวราบ ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ทำให้เมื่อเฉลี่ยสัดส่วนการลดและเกิดใหม่ของโครงการแนวราบและแนวสูงในปีนี้แล้วจะยังมีอัตราการเติบโตในระดับใกล้เคียงกับปี2553
ทั้งนี้การอนุมัติการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าในเส้นทางสายสีม่วง ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในระยะ1-2ปีจากนี้รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ที่คาดว่าจะมีการอนุมัติให้ก่อสร้างในเร็วๆนี้จะยังส่งผลต่อการพัฒนาโครการอาคารชุดใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในแต่ละปี
“จากปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่าทิศทางการลงทุนและพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในระยะ2-3ปีข้างหน้าจะยังมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ที่ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องหรืออุตสาหกรรมปลายน้ำนั้นจะยังมีทิศทางการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง”
นายทักษะ กล่าวว่า สำหรับตลาดเฟอร์นิเจอร์ในปีนี้คาดว่ากลุ่มตลาดอสังหาฯที่ชะลอความร้อนแรงลงจากปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามา กระทบจะส่งผลให้เฟอร์นิเจอร์ในตลาดอสังหมีอัตราการเติบโตต่ำก่วาปีที่ผ่านมาในขณะที่กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ในตลาดสำนักงานนั้นจะมีอัตราการขยายตัวที่สูงกว่า เนื่องจากกลุ่มธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศมีการขยายออฟฟิศและต้องการพื้นที่เช่าสำนักงานเพิ่มขึ้นทำให้คาดว่าจะมีการสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์กลุ่มสำนักงานขยายตัวสูงกว่าปี2553
“การขยายออฟฟิศและการเข้ามามลงทุนของทุนต่างชาติที่เพิ่มขึ้นนั้นสังเกตุได้จาก การชะลอการลงทุนในประเทศของบริษัต่างชาติที่ชะลอการลงทุนไปนานกว่า2ปีแล้ว เมื่อทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศกลับสู่ทิศทางที่ดีทำให้กลุ่มต่างชาติทยอยกลับเข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า เนื่องจากโอกาสในการเติบโตของธุรกิจต่างๆ ในประเทศมีอยู่มาก ประกอบกับการลงทุนของผู้ประกอบการในประเทศเองก็ขยายตัวเพิ่มขึ้น เริ่มจากการลงทุนของผู้ประกอบการSME ”
นอกจากนี้ การปรับตัวของต้นทุนที่ดินอัตราดอกเบี้ยและแรงงานในจีนที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้อาจจะส่งผลต่อการย้ายฐานการผลิตของกลุ่มทุนต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยและประเทศในอื่นๆในภูมิภาคเอเชียเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีระบบการขนส่งรองรับการส่งออกทั้งด้านอากาศยานและเรือ ทำให้ยังเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ เช่น ญี่ปุ่น นอกจากการขยายการลงทุนของกลุ่มธุรกิจต่างประเทศแล้ว การขยายตัวในกลุ่มสถาบันการศึกษา โรงพยาบาล บริษัทประกันภัย บริษัทผลิตรถยนต์ ที่มีการขยายตัวต่อเนื่องจะส่งผลให้กลุ่มเฟอร์นิเจอร์สำนักงานขยายอย่างมากในปีนี้
ทั้งนี้ คาดตลาดรวมเฟอร์นิเจอร์ปี2554 จะขยายตัวที่15% โดยในส่วนของตลาดเฟอร์นิเจอร์สำนักงานรวมในปีนี้จะมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 20% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ขยายตัวอยู่ที่15% ขณะที่ตลาดเฟอร์นิเจอร์กลุ่มที่อยู่อาศัยในปีนี้จะเติบโตอยู่ที่15% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีการขยายตัวที่10% โดยในปี53ที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายรวมประมาณ 3,500 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ 2,800-2,900 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก1,000ล้านบาทเศษนั้นจะทยอยรับรู้ในปี2554ได้ประมาณ800ล้านบาทส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี2555
สำหรับปีนี้ โมเดอร์นฟอร์มฯตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเติบโตจากปีที่ผ่านมา 20% หรือมียอดขายรวมประมาณ 4,000 ล้านบาทซึ่งจะมีจากกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ตลาดสำนักงานประมาณ58% และมียอดขายจากกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ในตาดที่อยู่อาศัยประมาณ 42% ทั้งนี้ในส่วนของตลาดส่งออกนั้นบรัทยังมียอดส่งออกอยู่ที่4-5% คิดเป็นยอดขายรวมประมาณ100ล้านบาท และในปีนี้บริษัทยังมีนโยบายส่งออกในต่างประเทศในสัดส่วนเดิม
นายทักษะ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยทางด้านต้นทุนการผลิตของเฟอร์นิเจอร์ในปีนี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณ 10% โดยที่ผ่านมานั้นต้นทุนวัตถุดิบในกลุ่มโลหะนั้นมีการปรับตัวขึ้นแล้ว 10% ในขณะที่กลุ่มพลาสติก และวัตถุดิบที่ผลิตจากกลุ่มเคมีซึ่งผลิตจากน้ำมันนั้นยังผันผวนตามอัตราขึ้นลงของราคาน้ำมันใจตลาดโลก นอกจากนี้ต้นทุนด้านแรงงานก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่สำคัญ ที่ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตของบริษัท
อย่างไรก็ตามบริษัทจะยังไม่มีการปรับราคาขายเฟอร์นิเจอร์ขึ้น เนื่องจากวัตถุดิบในการผลิตสินค้าของบริษัทเป็นวัตถุดิบที่มีต้นทุนเดิม เพราะบริษัทใช้วิธีการสต๊อกวัสดุระยะยาวไว้โดยสต๊อกไว้4-6เดือน อย่างไรก็ตามแม้ว่าทิศทางต้นทุนวัตถุดิบมีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องแต่บริษัทยืนยันว่าจะพยายามยืนราคาขายดืมไว้ให้นานที่สุด
นายทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการ บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าแม้ปัจจัยลบด้านต้นทุนน้ำมันที่ผันผวนอยู่ในขณะนี้ และปัญหาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกาจะส่งผลต่อตลาดส่งออกเฟอร์นิเจอร์ แต่แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเอเชียยังส่งผลต่อการเติบโตของเฟอร์นิเจอร์ในภูมิภาคให้เติบโตได้ ในขณะที่ตลาดเฟอร์นิเจอร์ในประเทศนั้น ยังได้รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลให้ในปี2554 นี้ตลาดเฟอร์นิเจอร์ในประเทศยังมีอัตราการขยายตัวที่ดี
“อย่างไรก็ตามอัตราการขยายตัวของตลาดเฟอร์นิเจอร์ในประเทศนั้น จะมีอัตราการเติบโตได้มากหรือน้อยกว่าปีที่ผ่านมานั้นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทางด้านการเมือง ซึ่งหากไม่เกิดเหตุรุนแรงจนทำลายบรรยากาศในการลงทุนของทุนจากต่างประเทศเชื่อว่าจะส่งผลให้ตลาดรวมในปีนี้ขยายตัวเท่าๆกับปีที่ผ่านมา”
ทั้งนี้ ในส่วนของตลาดอสังหาฯยังมีแนวโน้มการขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อนหน้าแม้ว่าจะมีปัจจัยลบจากการปรับตัวของต้นทุนวัสดุก่อสร้าง น้ำมัน และการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งคาดว่าจะกระทบต่อกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าในตลาดระดับกลาง-ล่างได้ โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่ปัจจุบันมีสต๊อกค้างในตลาดจำนวนหนึ่ง ทำให้ในปีนี้คาดว่าจำนวนโครงการคอนโดมิเนียมหรือโครงการอาคารชุดจะมีการลงทุนลดลงจากปีที่แล้วมา
แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าแนวโน้มการลงทุนพัฒนาโครงการอาคารชุดของผู้ประกอบการจะลดลง แต่แนวโน้มการขยายตัวของตลาดอสังหาฯยังคงมีอยู่จากการขยายตัวของตลาดบ้านแนวราบ ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ทำให้เมื่อเฉลี่ยสัดส่วนการลดและเกิดใหม่ของโครงการแนวราบและแนวสูงในปีนี้แล้วจะยังมีอัตราการเติบโตในระดับใกล้เคียงกับปี2553
ทั้งนี้การอนุมัติการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าในเส้นทางสายสีม่วง ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในระยะ1-2ปีจากนี้รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ที่คาดว่าจะมีการอนุมัติให้ก่อสร้างในเร็วๆนี้จะยังส่งผลต่อการพัฒนาโครการอาคารชุดใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในแต่ละปี
“จากปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่าทิศทางการลงทุนและพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในระยะ2-3ปีข้างหน้าจะยังมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ที่ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องหรืออุตสาหกรรมปลายน้ำนั้นจะยังมีทิศทางการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง”
นายทักษะ กล่าวว่า สำหรับตลาดเฟอร์นิเจอร์ในปีนี้คาดว่ากลุ่มตลาดอสังหาฯที่ชะลอความร้อนแรงลงจากปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามา กระทบจะส่งผลให้เฟอร์นิเจอร์ในตลาดอสังหมีอัตราการเติบโตต่ำก่วาปีที่ผ่านมาในขณะที่กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ในตลาดสำนักงานนั้นจะมีอัตราการขยายตัวที่สูงกว่า เนื่องจากกลุ่มธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศมีการขยายออฟฟิศและต้องการพื้นที่เช่าสำนักงานเพิ่มขึ้นทำให้คาดว่าจะมีการสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์กลุ่มสำนักงานขยายตัวสูงกว่าปี2553
“การขยายออฟฟิศและการเข้ามามลงทุนของทุนต่างชาติที่เพิ่มขึ้นนั้นสังเกตุได้จาก การชะลอการลงทุนในประเทศของบริษัต่างชาติที่ชะลอการลงทุนไปนานกว่า2ปีแล้ว เมื่อทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศกลับสู่ทิศทางที่ดีทำให้กลุ่มต่างชาติทยอยกลับเข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า เนื่องจากโอกาสในการเติบโตของธุรกิจต่างๆ ในประเทศมีอยู่มาก ประกอบกับการลงทุนของผู้ประกอบการในประเทศเองก็ขยายตัวเพิ่มขึ้น เริ่มจากการลงทุนของผู้ประกอบการSME ”
นอกจากนี้ การปรับตัวของต้นทุนที่ดินอัตราดอกเบี้ยและแรงงานในจีนที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้อาจจะส่งผลต่อการย้ายฐานการผลิตของกลุ่มทุนต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยและประเทศในอื่นๆในภูมิภาคเอเชียเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีระบบการขนส่งรองรับการส่งออกทั้งด้านอากาศยานและเรือ ทำให้ยังเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ เช่น ญี่ปุ่น นอกจากการขยายการลงทุนของกลุ่มธุรกิจต่างประเทศแล้ว การขยายตัวในกลุ่มสถาบันการศึกษา โรงพยาบาล บริษัทประกันภัย บริษัทผลิตรถยนต์ ที่มีการขยายตัวต่อเนื่องจะส่งผลให้กลุ่มเฟอร์นิเจอร์สำนักงานขยายอย่างมากในปีนี้
ทั้งนี้ คาดตลาดรวมเฟอร์นิเจอร์ปี2554 จะขยายตัวที่15% โดยในส่วนของตลาดเฟอร์นิเจอร์สำนักงานรวมในปีนี้จะมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 20% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ขยายตัวอยู่ที่15% ขณะที่ตลาดเฟอร์นิเจอร์กลุ่มที่อยู่อาศัยในปีนี้จะเติบโตอยู่ที่15% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีการขยายตัวที่10% โดยในปี53ที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายรวมประมาณ 3,500 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ 2,800-2,900 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก1,000ล้านบาทเศษนั้นจะทยอยรับรู้ในปี2554ได้ประมาณ800ล้านบาทส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี2555
สำหรับปีนี้ โมเดอร์นฟอร์มฯตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเติบโตจากปีที่ผ่านมา 20% หรือมียอดขายรวมประมาณ 4,000 ล้านบาทซึ่งจะมีจากกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ตลาดสำนักงานประมาณ58% และมียอดขายจากกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ในตาดที่อยู่อาศัยประมาณ 42% ทั้งนี้ในส่วนของตลาดส่งออกนั้นบรัทยังมียอดส่งออกอยู่ที่4-5% คิดเป็นยอดขายรวมประมาณ100ล้านบาท และในปีนี้บริษัทยังมีนโยบายส่งออกในต่างประเทศในสัดส่วนเดิม
นายทักษะ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยทางด้านต้นทุนการผลิตของเฟอร์นิเจอร์ในปีนี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณ 10% โดยที่ผ่านมานั้นต้นทุนวัตถุดิบในกลุ่มโลหะนั้นมีการปรับตัวขึ้นแล้ว 10% ในขณะที่กลุ่มพลาสติก และวัตถุดิบที่ผลิตจากกลุ่มเคมีซึ่งผลิตจากน้ำมันนั้นยังผันผวนตามอัตราขึ้นลงของราคาน้ำมันใจตลาดโลก นอกจากนี้ต้นทุนด้านแรงงานก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่สำคัญ ที่ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตของบริษัท
อย่างไรก็ตามบริษัทจะยังไม่มีการปรับราคาขายเฟอร์นิเจอร์ขึ้น เนื่องจากวัตถุดิบในการผลิตสินค้าของบริษัทเป็นวัตถุดิบที่มีต้นทุนเดิม เพราะบริษัทใช้วิธีการสต๊อกวัสดุระยะยาวไว้โดยสต๊อกไว้4-6เดือน อย่างไรก็ตามแม้ว่าทิศทางต้นทุนวัตถุดิบมีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องแต่บริษัทยืนยันว่าจะพยายามยืนราคาขายดืมไว้ให้นานที่สุด