xs
xsm
sm
md
lg

น้ำท่วมซัดนายจ้างเงินฝืด จ่อผ่อนเกณฑ์จ่ายสมทบPVDช่วย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เกษตร ชัยวันเพ็ญ
บลจ.กสิกรไทย เผยน้ำท่วมกระทบกองโพวิเดนท์ฟันด์ หลังมีนายจ้างประสบปัญหาการเงินจนขอหยุดส่งเงินชั่วคราว ด้านกลต.จ่อผ่อนเกณฑ์หยุดส่งเงินได้ถึงสิ้นปี ทิสโก้ระบุลูกค้าที่เปิดกิจการส่วนใหญ่ยังจ่ายได้ มีแค่ 10 รายที่ต้องเลิกกิจการ พร้อมแนะรัฐเพิ่มเพดานลงLTF-RMF มากกว่า 15% เอื้อมนุษย์เงินเดือนมากขึ้น

นายเกษตร ชัยวันเพ็ญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทที่บริหารจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการผ่อนปรนให้บริษัทนายจ้างที่ได้รับผบกระทบจากน้ำท่วมและมีปัญหาทางการเงิน โดยสามารถหยุดนำส่งเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพชั่วคราวได้ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงสิ้นปีนี้(2555)

"การหยุดเงินนำส่งที่เข้าเกณฑ์ต้องมีปัญหาด้านการเงินจริงๆ ซึ่งทั้งอุตสาหกรรมยังไม่มีตัวเลขชัดเจนว่าเท่าไร แต่ในส่วนของบลจ.กสิกรไทยขณะนี้มีมีบริษัทนายจ้างขอหยุดส่งเงินจำนวน 7 รายเท่านั้น จากจำนวน 2,000 ราย"นายเกษตรกล่าว

ทั้งนี้ การหยุดหยุดส่งเงินชั่วคราวจะสามารถทำได้ 2 แบบ คือ 1.หยุดส่งเงินสะสมของลูกจ้างแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยเงินในส่วนของนายจ้างยังสามารถส่งต่อได้ และ 2.หยุดส่งเงินทั้งสองส่วนที่เป็นของนายจ้างและลูกจ้าง โดยการขอเข้าโครงการนั้นนายจ้างต้องทำหนังสือรับรองว่าประสบปัญหาน้ำท่วมและมีปัญหาด้านการเงินจนไม่สามารถนำส่งเงินเข้ากองทุนได้มาให้บริษัทที่บริหารกองทุนให้

นอกจากนี้จะต้องมีการประชุมสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือประชุมคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพื่อลงมติเป็นเอกฉันท์ที่จะขอเข้าโครงการ หลังจากนั้นส่งกลับมายังบริษัทจัดการและส่งเรื่องต่อไปยังก.ล.ต.ต่อไป

ด้าน นางสาวอารยา ธีระโกเมน กรรมการอำนวยการ บลจ.ทิสโก้ ในฐานะอุปนายกสมาคม และประธานกลุ่มธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เปิดเผยว่า ตัวเลขของนายจ้างที่ประสบปัญหาจากน้ำท่วมจนไม่สามารถส่งเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้นั้น ในระบบไม่ได้มีการเก็บรวบรวมตัวเลขไว้ แต่นายจ้างที่ยังส่งเงินเข้ากองทุนมาได้ถึงวันนี้คิดว่าคงมีความสามารถที่จะดำเนินการต่อไปได้ ในส่วนของบลจ.ทิสโก้เองมีนายจ้างที่เลิกกิจการปิดกองทุนไปไม่ถึง 10 ราย คือ จะเป็นลักษณะหยุดกิจการไปเลย แต่ถ้ายังดำเนินกิจการอยู่ก็ยังเป็นบริษัทที่สามารถที่จะส่งเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้ บริษัทที่อยู่มาจนถึงปัจจุบันส่วนใหญ่คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้วเพราะได้ผ่านช่วงที่ยากลำบากมาแล้ว แต่ส่วนที่อยากจะให้คงอยู่ต่อไป คือ สิทธิ์ประโยชน์ทางภาษีของกองทุนประหยัดภาษีทั้งกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)

“ปัจจุบันสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ในอนาคตถ้าคนเกษียณไม่มีแหล่งเงินออมก็จะกลับมาเป็นภาระของภาครัฐในอนาคตซึ่งจะย้อนกับมาเป็นภาระด้านภาษีของมนุษย์เงินเดือนในอนาคตด้วยเช่นกัน ในส่วนของกองทุน LTF เองนั้น หากมองว่าการใช้ประโยชน์ไปกระจุกตัวที่คนมีเงินระดับบน รัฐก็สามารถแก้ไขโครงสร้างได้ เช่น การเพิ่มสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ (%) ในการลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดิม 15% โดยไม่ต้องไปขยับเงินลงทุนสูงสุดด้านบน ตรงนี้ก็จะทำให้ผู้มีรายได้ในระดับล่างลงมาสามารถใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น แล้วที่สำคัญตลาดทุนไทยก็ยังต้องการพัฒนาอีกมากในอนาคตจะมีการเปิดเสรีประชาคมอาเซียนอีก จึงอยากให้รัฐพิจารณาคงประโยชน์ทางภาษีในกองทุนประหยัดภาษีทั้ง 2 เอาไว้ด้วยเช่นกัน”
กำลังโหลดความคิดเห็น