ASTVผู้จัดการรายวัน-โตเกียวมารีน โฮลดิ้งส์ ยันลุยลงทุนในไทยต่อแม้ได้รับผลกระทบน้ำท่วม ยันเงินทุนหนากว่า 1.1 ล้านบาทพร้อมเพิ่มทุนได้ทุกเมื่อ ระบุไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนเหตุเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น-สัดส่วนการทำประกันของประชาชนยังต่ำ เหมาะแก่การขยายธุรกิจ พร้อมลั่นปี 54 กวาดเบี้ยเพิ่มอีก 2.3 พันล้าน หรือเติบโตกว่า 120% มั่นใจช่องทางตัวแทนเจ๋งดันยอดเข้าเป้าแน่
นายฮิโรชิ เอนโด ประธานกรรมการบริหารอาวุโส โตเกียวมารีน โฮลดิ้งส์ เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยเพื่อเยี่ยมชมบริษัทในกลุ่มโตเกียวมารีน ทั้ง 2 แห่ง ได้แก่ โตเกียวมารีนประกันชีวิต และ โตเกียวมารีนศรีเมืองประกันภัย โดยกลุ่มโตเกียวมารีนมีการเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ และมีเงินสำรองที่มากพอ ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง และย้ำว่าไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและสถานะทางการเงินของกลุ่มโตเกียวมารีน ณ ขณะนี้มีเงินทุนเหลือ1.1 ล้านล้านบาท ที่พร้อมจะเพิ่มทุนในแต่ละประเทศหากมีการขยายงานเพิ่ม เช่นเดียวกับประเทศไทยหากมีการขยายงานที่เพิ่ม บริษัทก็พร้อมที่จะใส่เงินเพิ่มทุนให้
“โตเกียวมารีน โฮลดิ้งส์ มีการลงทุนอยู่ในหลายประเทศ เม็ดเงินลงทุนในต่างประเทศคิดเป็นยอดขายมีมูลค่าประมาณ2แสนล้านบาท ต่อปี ซึ่งในส่วนของประเทศไทย มีสัดส่วนแค่ 1%เท่านั้น แต่อนาคตจะเพิ่มเป็น10%ได้ในไม่ช้า แต่ไม่สามารถระบุวันเวลาได้แน่นอน ขึ้นอยู่กับยอดขายและการเติบโตของแต่ละปี”
สำหรับการลงทุนในประเทศไทยนั้น บริษัทยังเชื่อว่าประเทศไทยยังเหมาะแก่การลงทุน โดยในส่วนของธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยนั้นยังคงมีแนวโน้มการเติบโตในระดับสูง เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาที่มีรายได้ต่อประชาชาติปรับขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้สัดส่วนประชากรยังทำประกันชีวิตในอัตราที่ต่ำอยู่ ดังนั้นโอกาสที่ประกันชีวิตจะเติบโตยังมีอีกมากมาย
นายเอนโด กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลได้เดินทางไปพบที่ประเทศญี่ปุ่น นั้น ได้แนะนำให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเรื่องน้ำ และควรให้ความสำคัญกับการจัดตั้งกองทุนประกันเกี่ยวกับน้ำท่วมอย่างจริงจัง และต้องการให้รัฐบาลมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบด้วย เช่นเดียวกับประกันภัยแผ่นดินไหว ที่ญี่ปุ่น ก็มีรัฐบาลเข้ามามีส่วนร่วมในการรับผิดชอบในการจัดตั้งด้วย
ด้าน นายฮิโรชิ ทาเทอิชิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ไทยแลนด์)จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2554 ของบริษัทมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 1,910 ล้านบาท เติบโต 134% เบี้ยประกันปีต่ออายุ 1,160 ล้านบาท เติบโต 135% และเบี้ยประกันปีแรก 750 ล้านบาทเติบโต 133% ส่วนในปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีเบี้ยรับรวมเติบโตได้ถึง 123% โดยมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 2,350 ล้านบาท เบี้ยปีแรก 750 ล้านบาท เติบโต 100% และเบี้ยปีต่ออายุ 1,600 ล้านบาท เติบโต 138%
อย่างไรก็ตาม วิกฤตน้ำท่วมในปีที่ผ่านมาอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในครึ่งปีแรกของปี 2555 แต่ในครึ่งปีหลังเชื่อสถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ ประกอบกับบริษัทได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต บริษัท โตเกียวมารีนประกันชีวิต กล่าวว่า ช่องทางตัวแทนมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยเบี้ยรับปีแรก 300 ล้านบาทในปี 2533 และ 500 ล้านบาท ในปี 2554
สำหรับในปี 2555 ได้ตั้งเป้าหมายเบี้ยรับปีแรกจากช่องทางตัวแทน เอาไว้ที่ 600 ล้านบาท เบี้ยปีต่ออายุ 640 ล้านบาท รวมแล้วเบี้ยรับรวมผ่านช่องทางตัวแทน 1,240 ล้านบาท จำนวนตัวแทนเพิ่มเป็น 3,200 คน จากปัจจุบัน 2,020 คน ขณะเดียวกันก็เน้นอัตราการต่ออายุของกรมธรรม์ด้วย โดยในปีที่ผ่านมาอัตราการต่ออายุกรมธรรม์เฉลี่ยมากกว่า 90% แสดงให้เห็นว่ามีการขายที่มีคุณภาพ เฉลี่ยเบี้ยอยู่ที่ กว่า 40,000 บาทต่อกรมธรรม์ สูงสุดในตลาด
“ผมมุ่มมั่นที่จะขยับอันดับ 10 ในปัจจุบัน ไปอีก 1-2 อันดับให้ได้ เพราะอันดับ8และ 9 มีตัวแทนอยู่กว่า 8,000 คน ในขณะที่เรายังมีตัวแทนแค่ 2,000 กว่าคน แต่ปีนี้เราตั้งเป้าเพิ่มตัวแทนเป็น 3,200 คน ซึ่งเรายังพอมีโอกาสในการไต่อันดับขึ้นไปได้ ส่วนช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์นั้นกำลังอยู่ระหว่างเจรจากับ อีก 5 แบงก์แต่ยังไมได้ข้อสรุป เพราะส่วนใหญ่แบงก์จะมีประกันเป็นของตัวเองอยู่แล้ว”
นายฮิโรชิ เอนโด ประธานกรรมการบริหารอาวุโส โตเกียวมารีน โฮลดิ้งส์ เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยเพื่อเยี่ยมชมบริษัทในกลุ่มโตเกียวมารีน ทั้ง 2 แห่ง ได้แก่ โตเกียวมารีนประกันชีวิต และ โตเกียวมารีนศรีเมืองประกันภัย โดยกลุ่มโตเกียวมารีนมีการเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ และมีเงินสำรองที่มากพอ ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง และย้ำว่าไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและสถานะทางการเงินของกลุ่มโตเกียวมารีน ณ ขณะนี้มีเงินทุนเหลือ1.1 ล้านล้านบาท ที่พร้อมจะเพิ่มทุนในแต่ละประเทศหากมีการขยายงานเพิ่ม เช่นเดียวกับประเทศไทยหากมีการขยายงานที่เพิ่ม บริษัทก็พร้อมที่จะใส่เงินเพิ่มทุนให้
“โตเกียวมารีน โฮลดิ้งส์ มีการลงทุนอยู่ในหลายประเทศ เม็ดเงินลงทุนในต่างประเทศคิดเป็นยอดขายมีมูลค่าประมาณ2แสนล้านบาท ต่อปี ซึ่งในส่วนของประเทศไทย มีสัดส่วนแค่ 1%เท่านั้น แต่อนาคตจะเพิ่มเป็น10%ได้ในไม่ช้า แต่ไม่สามารถระบุวันเวลาได้แน่นอน ขึ้นอยู่กับยอดขายและการเติบโตของแต่ละปี”
สำหรับการลงทุนในประเทศไทยนั้น บริษัทยังเชื่อว่าประเทศไทยยังเหมาะแก่การลงทุน โดยในส่วนของธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยนั้นยังคงมีแนวโน้มการเติบโตในระดับสูง เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาที่มีรายได้ต่อประชาชาติปรับขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้สัดส่วนประชากรยังทำประกันชีวิตในอัตราที่ต่ำอยู่ ดังนั้นโอกาสที่ประกันชีวิตจะเติบโตยังมีอีกมากมาย
นายเอนโด กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลได้เดินทางไปพบที่ประเทศญี่ปุ่น นั้น ได้แนะนำให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเรื่องน้ำ และควรให้ความสำคัญกับการจัดตั้งกองทุนประกันเกี่ยวกับน้ำท่วมอย่างจริงจัง และต้องการให้รัฐบาลมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบด้วย เช่นเดียวกับประกันภัยแผ่นดินไหว ที่ญี่ปุ่น ก็มีรัฐบาลเข้ามามีส่วนร่วมในการรับผิดชอบในการจัดตั้งด้วย
ด้าน นายฮิโรชิ ทาเทอิชิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ไทยแลนด์)จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2554 ของบริษัทมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 1,910 ล้านบาท เติบโต 134% เบี้ยประกันปีต่ออายุ 1,160 ล้านบาท เติบโต 135% และเบี้ยประกันปีแรก 750 ล้านบาทเติบโต 133% ส่วนในปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีเบี้ยรับรวมเติบโตได้ถึง 123% โดยมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 2,350 ล้านบาท เบี้ยปีแรก 750 ล้านบาท เติบโต 100% และเบี้ยปีต่ออายุ 1,600 ล้านบาท เติบโต 138%
อย่างไรก็ตาม วิกฤตน้ำท่วมในปีที่ผ่านมาอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในครึ่งปีแรกของปี 2555 แต่ในครึ่งปีหลังเชื่อสถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ ประกอบกับบริษัทได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต บริษัท โตเกียวมารีนประกันชีวิต กล่าวว่า ช่องทางตัวแทนมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยเบี้ยรับปีแรก 300 ล้านบาทในปี 2533 และ 500 ล้านบาท ในปี 2554
สำหรับในปี 2555 ได้ตั้งเป้าหมายเบี้ยรับปีแรกจากช่องทางตัวแทน เอาไว้ที่ 600 ล้านบาท เบี้ยปีต่ออายุ 640 ล้านบาท รวมแล้วเบี้ยรับรวมผ่านช่องทางตัวแทน 1,240 ล้านบาท จำนวนตัวแทนเพิ่มเป็น 3,200 คน จากปัจจุบัน 2,020 คน ขณะเดียวกันก็เน้นอัตราการต่ออายุของกรมธรรม์ด้วย โดยในปีที่ผ่านมาอัตราการต่ออายุกรมธรรม์เฉลี่ยมากกว่า 90% แสดงให้เห็นว่ามีการขายที่มีคุณภาพ เฉลี่ยเบี้ยอยู่ที่ กว่า 40,000 บาทต่อกรมธรรม์ สูงสุดในตลาด
“ผมมุ่มมั่นที่จะขยับอันดับ 10 ในปัจจุบัน ไปอีก 1-2 อันดับให้ได้ เพราะอันดับ8และ 9 มีตัวแทนอยู่กว่า 8,000 คน ในขณะที่เรายังมีตัวแทนแค่ 2,000 กว่าคน แต่ปีนี้เราตั้งเป้าเพิ่มตัวแทนเป็น 3,200 คน ซึ่งเรายังพอมีโอกาสในการไต่อันดับขึ้นไปได้ ส่วนช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์นั้นกำลังอยู่ระหว่างเจรจากับ อีก 5 แบงก์แต่ยังไมได้ข้อสรุป เพราะส่วนใหญ่แบงก์จะมีประกันเป็นของตัวเองอยู่แล้ว”