xs
xsm
sm
md
lg

แนะนลท.เก็บกองทุนLTFแบบถัวเฉลี่ย หลังก.ล.ต.ห้ามเปลี่ยนไปลงทุนอนุพันธ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-โบรกเกอร์กองทุนรวม แนะนักลงทุนกองทุนหุ้นระยะยาวหรือ LTF ใช้กลยุทธ์ลงทุนแบบถัวเฉลี่ย หรือ Dollar Cost Averaging หลังก.ล.ต ออกกฎห้ามสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปลงทุนในกองทุน LTF ที่ลงทุนในตราสารอนุพันธ์

นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงยังคงตัดสินใจได้ยากลำบากในสถานการณ์ที่ต้องคำนึงถึงน้ำหนักความกังวลของปัญหาหนี้ยุโรป เทียบกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่ฟื้นตัวดีเกินคาด โดยในช่วงปลายปี 2554 ถึงต้นปี 2555 เราอาจเห็นนักลงทุนตื่นเต้นกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐมากกว่า ขณะที่สถานการณ์ปัญหาหนี้ยุโรปดูจะเงียบๆ ไป แต่เราคาดว่าความกังวลต่อปัญหาหนี้ยุโรปจะเพิ่มแรงกดดันต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น ค่าเงินยูโรได้อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง, แนวโน้มการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในกลุ่มประเทศยูโรโซน, อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลี และสเปนยังน่าเป็นห่วง และก้อนหนี้ขนาดใหญ่ที่ต้องทำการ Refinance ของประเทศที่มีปัญหากำลังรอเราอยู่ในอนาคตอันใกล้ ทำให้เราเชื่อว่าจะได้เห็นความผันผวนในช่วงต้นปี 2555 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐแม้ว่าจะยังดีอยู่แต่ความน่าตื่นเต้นจะลดลงเมื่อเทียบกับปัญหาหนี้ยุโรป

ทั้งนี้ระยะสั้น เราจึงยังคงแนะนำให้ระมัดระวังในการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงต่อไปอีกสัปดาห์ โดยให้พักเงินสำหรับลงทุนไว้ที่ Money Market Fund ไปก่อน กองทุนตลาดเงินที่แนะนำคือ PCASH ของ บลจ.ฟิลลิป และสำหรับนักลงทุนระยะยาวในปี 2555 นี้เรามองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการเก็บสะสมกองทุนหุ้น โดยให้ทยอยเก็บสะสมเมื่อเห็นการปรับลดลงของราคาสินทรัพย์เสี่ยง โดยกองทุนที่เราแนะนำยังคงเน้นไปยังกองทุนที่ลงทุนในตลาดเกิดใหม่เป็นหลักอย่างกองทน ABAPAC (Aberdeen Asia Pacific ex Japan) และ T-Global Bond ของ บลจ. ธนชาต

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุน LTF ในปี 2555 คงต้องทำการบ้านกันมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเราไม่สามารถลงทุนกองทุน KSDLTF ได้แล้วในปีนี้ ดังนั้น การวางแผนการลงทุน LTF ตั้งแต่ต้นปีน่าจะดีกว่าซื้อ LTF ในวันสุดท้ายของปี ด้วยการทยอยสะสมเมื่อเห็น SET ปรับตัวลดลง หรือการทำ Dollar Cost Averaging (DCA) โดยกองทุน LTF ที่แนะนำยังคงเป็น KFLTFDIV ของ บลจ. กรุงศรี สำหรับนักลงทุนที่ลงทุน KSDLTF ในปีที่แล้วเรายังคงแนะนำให้ถือกองทุน KSDLTF ต่อไป รอโอกาสเพื่อสับเปลี่ยนต่อไป

ในส่วนของภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯต่อเนื่องจากช่วงปลายปี 2554นั้น เศรษฐกิจของสหรัฐ ยังคงฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดแรงงานของสหรัฐ ตัวเลขการจ้างงานปรับตัวดีกว่าที่คาดการณ์ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ปรับตัวลดลง 15,000 ราย มาอยู่ที่ 372,000 ราย ขณะที่ ADP Employer Services ประกาศตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 325,000ตำแหน่ง เช่นเดียวกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธันวาคมออกมาดีกว่าที่คาดไว้โดยปรับเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง มากสุดในรอบ 3 เดือน แลอัตราการว่างงานลดลงต่อเนื่องเหลือ 8.5% ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามข่าวดีทางฝั่งสหรัฐได้ถูกบดบังจากความเสี่ยงของปัญหาหนี้ยุโรป โดยการประมูลพันธบัตรของหลายๆ ประเทศในยูโรโซนไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลี และสเปนยังคงปรับตัวสูงขึ้นเข้าใกล้ระดับที่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือ สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของนักลงทุนต่อปัญหาหนี้ยุโรปมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเราคาดว่าตลาดจะกลับมาให้ความสนใจกับปัญหาหนี้ยุโรปมากขึ้นเรื่อยๆและตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีของสหรัฐจะเริ่มลดความน่าตื่นเต้นลงไป

ส่วนนักลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียยังคงให้ความสนใจกับปัญหาหนี้ยุโรปเป็นหลัก และความกลัวต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนได้ฉุดดัชนีหลักๆ ในเอเชียหลายตัวไว้ โดยความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการขาดแคลนสภาพคล่องยังคงสร้างแรงกดดันตลาดหุ้นจีนต่อไป แม้ว่าแนวโน้มเงินเฟ้อที่ดีขึ้น และมีการคาดหมายการผ่อนคลายนโยบายการเงินของจีนในปีนี้ก็ตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น