บลจ.กรุงไทย ส่งกองทุน "กรุงไทยธนทรัพย์ บี 23" อายุ 3 เดือนให้ผลอตอบแทน 3.30% ต่อปีเปิดขายไอพีโอตั้งแต่วันนี้ถึง 28 ธันวาคมนี้ พร้อมส่งโปรโมชั่น RMF-LTF ช่วงโค้งสุดท้ายของปี ขณะที่ ดร.สมชัย มองเศรษฐกิจไทยปี 55 เติบโต 4.5%
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สัปดาห์สุดท้ายของปี2554 บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดขายกองทุนตราสารหนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 23 ( KTSUPB 23 ) ระหว่างวันที่ 26-28 ธันวาคม 2554 อายุโครงการ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 3,000 บาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบด้วยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เงินฝาก ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย และตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย ในสัดส่วน 60% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำ Unoin National Bank ( UNB ) และเงินฝากประจำ Fist Gulf Bank ( FGB ) โดยเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.30% ต่อปี
ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น1 ( KTFIX3M1 ) เป็นกองทุนประเภท Roll Over อายุโครงการ 3 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 60% ของมูลค่าทรัพย์สุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำ / บัตรเงินฝาก ของธนาคารไอซีบีซี และธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.80% ต่อปี
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ในสัปดาห์นี้เป็นโค้งสุดท้ายสำหรับการลงทุนในกองทุน RMF/LTFเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยบริษัทยังได้จัดโปรโมชั่น ให้กับลูกค้า เมื่อซื้อกองทุน RMF-LTF ทุกๆ1ล้านบาท รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ ( KTSS ) มูลค่า 12,000 บาท และบริษัทยังได้จับมือ กับธนาคารกรุงไทย ในการจัดโครงการ KTB- B/E Together โดยผู้ลงทุนที่ซื้อ LTF กองทุนใดก็ได้ หรือหลายกองทุน ที่อยู่ภายใต้การบริหารและจัดการของบริษัท และลงทุนคู่กับตั๋วแลกเงินของธนาคารกรุงไทย อายุ 4 เดือน ในวงเงินที่เท่ากัน ตั้งแต่ 50,000 บาท ขึ้นไป รับดอกเบี้ยพิเศษ 4.10% ต่อปี
นอกจากนี้สามารถซื้อกองทุนผ่านบัตรเครดิต ได้ทั้งบัตรเคทีซี ซิตี้แบงก์ บัตรเครดิตในเครือกรุงศรี และเทสโก้ โลตัส ซึ่งแต่ละบริษัทได้ร่วมจัดโปรโมชั่นให้กับลูกค้าที่ซื้อกองทุนผ่านบัตรเครดิตอีกด้วย โดยเคทีซี มอบบัตรของขวัญเซ็นทรัล มูลค่าสูงสุด 3,000 บาท บัตรเครดิตซิตี้แบงก์ แบ่งชำระ 0% นาน 3 เดือน ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป และผ่อนชำระ 4, 6, 10 เดือน ดอกเบี้ย 0.50%ต่อเดือน พร้อมรับคะแนนสะสมทุก 50 บาทต่อ 1 คะแนน
ส่วนบัตรเครดิตกรุงศรี,โฮมโปรวีซ่า, บัตรเซ็นทรัล เครดิตคาร์ด สามารถผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 10 เดือน ดอกเบี้ย 0.55% ต่อเดือน หากเลือกผ่อนชำระนาน 3, 4, 6 เดือน เมื่อลงทุน 80,000 บาท ขึ้นไป รับฟรี Dream Party Bag มูลค่า 1,000 บาทและเลือกผ่อนชำระนาน 9 และ 10 เดือน รับฟรี Central Gift Voucher มูลค่า 1,000 บาท บัตรเครดิตเทสโก้ วีซ่า ผ่อนนานสูงสุด 10 เดือน อัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อเดือน
ด้านนายสมชัย อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยบลจ.กรุงไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2555 คาดว่าจะเติบโต 4.5% จากปีนี้ที่น่าจะขยายตัวเพียงแค่ 1.8% จากผลกระทบของเหตุการณ์น้ำท่วม ขณะที่เศรษฐกิจโลกก็คาดว่าจะชะลอตัวลงต่อ จากความเสี่ยงหลักเรื่องปัญหาหนี้สินในยูโรโซน ที่ขณะนี้หลายประเทศในยุโรปกำลังใช้มาตรการรัดเข็มขัดจึงเป็นอุปสรรคต่อการ เติบโตของเศรษฐกิจ ขณะที่สหรัฐฯก็คาดว่าเศรษฐกิจน่าจะเริ่มฟื้นตัวการเติบโตคงอยู่ที่ประมาณ 2% และเศรษฐกิจสหรัฐฯคงไม่เข้าสู่ภาวะถดถ้อนเหมือนอย่างที่หลายฝ่ายกังวลก่อน หน้านี้ แต่การเติบโตของเศรษฐกิจในระดับสูงก็คงไม่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปี 55 จะอยู่ที่ 3.50% จากปัจจุบันที่ 3.25% โดยคาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ครั้งต่อไปจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวไปจนถึงเกือบสิ้นปี แต่กนง.คงมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งสุดท้ายของปีหน้า ครั้งละ 0.25% ตามแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้น รวมทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่น่าจะเริ่มเห็นได้ในช่วงครึ่งปีหลัง และคาดว่าค่าเงินบาท ณ สิ้นปี 55 จะอยู่ที่ 30.20 บาท