บลจ.กรุงไทย ส่งกองทุน"กรุงไทยธนทรัพย์ บี 22" ลงทุน 3 เดือนให้ผลตอบแทน 3.10% ต่อปี พร้อมโรโอเวอร์กองทุน"กรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6 เดือน 3" ลงทุน 6 เดือนให้ยิลด์ 3.10% ต่อปี ขณะที่บลจ.ธนชาต ส่ง"ธนชาต Fixed Income 4" ลงทุน 6 เดือนให้ผลตอบแทน 3.3% ต่อปี และ"ธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/3" ลงทุน 3 เดือนให้ยิลด์ 2.9% ต่อปี เปิดขายแล้วตุ้งแต่วันนี้ถึง 28 ธันวามคม 2554
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาวะการลงทุนในครึ่งหลังของเดือนธันวาคม ปริมาณการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้เริ่มลดลง ภายหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และยังส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่ใช้นโยบายการเงินแบบยืดหยุ่น ทำให้ตลาดการเงินและธนาคารพาณิชย์มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ยืมในอนาคตอันใกล้นี้
ส่วนตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ค่อนข้างได้รับอิทธิพลจากปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป และสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงการชะลอการลงของกระแสเงินทุนระหว่างประเทศในช่วงปลายปี ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นและมีความผันผวนสูง ผลดังกล่าวจะกระทบต่อต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงระหว่างสกุลเงินบาทและดอลล่าร์สหรัฐฯ ทำให้ดอลล่าร์สหรัฐพรีเมี่ยมที่จะได้รับเมื่อปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนมีโอกาสปรับลดลงในช่วงปลายปี
ในสัปดาห์นี้บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 22 ( KTSUPB22) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2554 อายุ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท มีนโยบายลงทุนตราสารหนี้ในประเทศประเภท พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เงินฝาก /ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทยตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย ในสัดส่วน 60% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Union National Bank (UNB ) และเงินฝากประจำ First Gulf Bank (FGB ) ซึ่งมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนมาณการที่ 3.30%ต่อปี ดังนั้นผู้ลงทุนที่สนใจและยังหาจังหวะในการลงทุนกองทุนดังกล่าวเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับการลงทุนในช่วงนี้เพื่อล็อกผลตอบแทน
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6 เดือน 3( KTSIV6M3 ) เสนอขายถึงวันที่ 23 ธันวาคม 2554 เป็นกองทุนประเภท Roll Over อายุโครงการ 6เดือน เน้นลงทุนในเงินฝาก และตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน ทั้ง 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.10% ต่อปี
ทางด้านนายสุรธีร์ กิตติวรวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ. ธนชาต จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ในเดือนสุดท้ายของปีน่าจะทรงตัว และปริมาณการซื้อขายน่าจะเริ่มลดลง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนในช่วงใกล้สิ้นปี อย่างไรก็ตาม ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ทรงตัวหรืออาจปรับลดลงได้หากภาวะเศรษฐกิจไทยชะลอลงมากจะเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดอยู่
นอกจากนี้ปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มยูโรยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อกระแสเงินลงทุน หากความกังวลของนักลงทุนยังคงอยู่จะทำให้มีเงินทุนหันเข้าหาสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่หากเริ่มมีความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาและนักลงทุนคลายความวิตกลง จะส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลกลับเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และส่งผลบวกต่อตลาดตราสารหนี้ไทยได้
ล่าสุดบริษัทกำลังเปิดขายกองทุนโลโอเวอร์อีก 2 กองทุน ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 23 ธันวาคม 2554 โดยกองทุนแรกได้แก่ กองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 4 (TFixedIncome4) ระยะเวลาลงทุนประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.3% ต่อปี ตั้งเป้าลงทุนในเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Union National Bank ประมาณ 22% ลงทุนในเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร First Gulf Bank ประมาณ 22% ลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ประมาณ 15% ลงทุนในตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเชียนพร็อพเพอร์ตี้ / บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) ประมาณ 16.90% ลงทุนในตั๋วแลกเงิน บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส ประมาณ 24% และลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ประมาณ 0.10% ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 3.5322% ต่อปี โดยมีประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.2322% ต่อปี
ส่วน กองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/3 (TGOV3M3) รอบการลงทุนประมาณ 3 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 2.9% ต่อปี ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐประมาณ 99.90% และลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ประมาณ 0.10% ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 3.0889% ต่อ