ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.อเบอร์ดีน เผย AUM ปี 2554 ล่าสุดหายวูบเหลือ 20,000 ล้าน จากสิ้นปี 2553 อยู่ที่ 28,000 ล้านบาท ระบุแผนปีหน้าเตรียมรุกธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนต่างประเทศ
นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2555 นี้ บริษัทเตรียมขยายธุรกิจในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้มากขึ้น โดยจะเน้นการทำกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแบบ POOLED FUND จากเดิมที่บริษัทจะเน้นทำกองทุนที่เป็นกองทุนเดี่ยวเป็นหลัก แต่หลังจากหันมาทำ POOLED FUND แล้ว ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างดีและถือเป็นอีกธุรกิจที่บริษัทจะให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นในปี 2555 นี้
ทั้งนี้การทำธุรกิจของบริษัทจะเน้นทำธุรกิจที่บริษัทมีความถนัดและเน้นทำธุรกิจที่มีกำไรด้วยเช่นกัน ในด้านธุรกิจกองทุนรวมบริษัทคงไม่ไปแข่งในเรื่องของ AUM แต่จะเน้นในกลุ่มกองทุนหุ้นและกองทุนต่างประเทศ (FIF) มากกว่า เพราะปัจจุบันนักลงทุนไทยยังมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นน้อยมาก โอกาสที่จะเติบโตจึงยังมีอีกมากทีเดียว และในปี 2555 บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุน FIF เพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 1 กองทุน และยังคงเน้นมาในภูมิภาคเอเชียและกลุ่มตลาดเกิดใหม่เป็นหลัก เพราะบริษัทมองว่ายังเป็นตลาดที่มีโอกาสในการเติบโตที่ดี ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปเองยังคงมีปัญหาให้ต้องแก้ไขอยู่ นอกจากนี้บริษัทจะเน้นในเรื่องของการโปรโมทให้ลูกค้ามาใช้บริการผ่านทางอินเทอร์เน็ตกับบริษัทมากขึ้นด้วย เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า
นายชัยเกษม ระบุว่า ในช่วง 11 เดือนแรกที่ผ่านมาของปีนี้ บริษัทมีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ลดลงมาเหลือประมาณ 20,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2553 ที่อยู่ที่ 28,000 ล้านบาท หรือลดลง 28.57% เป็นผลจากการที่บริษัทสูญเสียลูกค้ากองทุนส่วนบุคคลไป 1 ราย มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยบริษัทดังกล่าวถูกเทคโอเวอร์ไปแล้วมีการยกเลิกกองทุนนี้ไป ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 3,000 ล้านบาท นั้น เป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อนักลงทุนสถาบันของเดิมที่ทยอยครบอายุไปจนหมดแล้วในปี 2554 นี้ และมีการทยอยปิดกองทุนมาตลอดจนปิดหมดได้เรียบร้อยในปีนี้ แต่โดยภาพรวมของ AUM ที่ลดลงนี้ไม่ได้กระทบต่อรายได้ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทแต่ประการใด เพราะธุรกิจหลักของบริษัทยังคงเป็นธุรกิจกองทุนรวมประมาณ 80% ของธุรกิจทั้งหมด ในส่วนของธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลเองคงจะทำตลาดในไทยได้ยาก
ขณะเดียวกันกองทุนต่างประเทศของ บลจ.อเบอร์ดีนที่ลงทุนในภูมิภาคเอเชียและตลาดเกิดใหม่ ล่าสุดผลการดำเนินงานยังติดลบโดย ล่าสุด ณ วันที่ 9 ธ.ค. 2554 ได้แก่ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -4.43% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -3.63% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -10.97% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -15.34%
ส่วนกองทุนเปิด อเบอร์ดีน ไชน่า เกทเวย์ ฟันด์ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -1.40% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -4.67% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -11.00% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -16.54%
ขณะที่กองทุนเปิด อเบอร์ดีน อีเมอร์จิ้ง ออพพอร์ทูนิตี้ส์ บอนด์ ฟันด์มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -0.67% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -2.00% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.34% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 3.83%
ด้านกองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล อีเมอร์จิ้ง โกรท ฟันด์มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -2.74% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -9.13% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -3.26% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -17.03%
เช่นเดียวกับกองทุนเปิด อเบอร์ดีน อินเดีย โกรท ฟันด์มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -9.15% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -17.63% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -11.73% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -24.14%
"ในปีหน้าความเสี่ยงของการลงทุนยังคงอยู่ที่เศรษฐกิจโลกโดยรวมที่มีความเสี่ยงจากปัญหาในยุโรปที่อาจเกิดความรุนแรงมากขึ้น"นายชัยเกษม กล่าว
นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2555 นี้ บริษัทเตรียมขยายธุรกิจในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้มากขึ้น โดยจะเน้นการทำกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแบบ POOLED FUND จากเดิมที่บริษัทจะเน้นทำกองทุนที่เป็นกองทุนเดี่ยวเป็นหลัก แต่หลังจากหันมาทำ POOLED FUND แล้ว ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างดีและถือเป็นอีกธุรกิจที่บริษัทจะให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นในปี 2555 นี้
ทั้งนี้การทำธุรกิจของบริษัทจะเน้นทำธุรกิจที่บริษัทมีความถนัดและเน้นทำธุรกิจที่มีกำไรด้วยเช่นกัน ในด้านธุรกิจกองทุนรวมบริษัทคงไม่ไปแข่งในเรื่องของ AUM แต่จะเน้นในกลุ่มกองทุนหุ้นและกองทุนต่างประเทศ (FIF) มากกว่า เพราะปัจจุบันนักลงทุนไทยยังมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นน้อยมาก โอกาสที่จะเติบโตจึงยังมีอีกมากทีเดียว และในปี 2555 บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุน FIF เพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 1 กองทุน และยังคงเน้นมาในภูมิภาคเอเชียและกลุ่มตลาดเกิดใหม่เป็นหลัก เพราะบริษัทมองว่ายังเป็นตลาดที่มีโอกาสในการเติบโตที่ดี ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปเองยังคงมีปัญหาให้ต้องแก้ไขอยู่ นอกจากนี้บริษัทจะเน้นในเรื่องของการโปรโมทให้ลูกค้ามาใช้บริการผ่านทางอินเทอร์เน็ตกับบริษัทมากขึ้นด้วย เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า
นายชัยเกษม ระบุว่า ในช่วง 11 เดือนแรกที่ผ่านมาของปีนี้ บริษัทมีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ลดลงมาเหลือประมาณ 20,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2553 ที่อยู่ที่ 28,000 ล้านบาท หรือลดลง 28.57% เป็นผลจากการที่บริษัทสูญเสียลูกค้ากองทุนส่วนบุคคลไป 1 ราย มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยบริษัทดังกล่าวถูกเทคโอเวอร์ไปแล้วมีการยกเลิกกองทุนนี้ไป ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 3,000 ล้านบาท นั้น เป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อนักลงทุนสถาบันของเดิมที่ทยอยครบอายุไปจนหมดแล้วในปี 2554 นี้ และมีการทยอยปิดกองทุนมาตลอดจนปิดหมดได้เรียบร้อยในปีนี้ แต่โดยภาพรวมของ AUM ที่ลดลงนี้ไม่ได้กระทบต่อรายได้ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทแต่ประการใด เพราะธุรกิจหลักของบริษัทยังคงเป็นธุรกิจกองทุนรวมประมาณ 80% ของธุรกิจทั้งหมด ในส่วนของธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลเองคงจะทำตลาดในไทยได้ยาก
ขณะเดียวกันกองทุนต่างประเทศของ บลจ.อเบอร์ดีนที่ลงทุนในภูมิภาคเอเชียและตลาดเกิดใหม่ ล่าสุดผลการดำเนินงานยังติดลบโดย ล่าสุด ณ วันที่ 9 ธ.ค. 2554 ได้แก่ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -4.43% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -3.63% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -10.97% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -15.34%
ส่วนกองทุนเปิด อเบอร์ดีน ไชน่า เกทเวย์ ฟันด์ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -1.40% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -4.67% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -11.00% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -16.54%
ขณะที่กองทุนเปิด อเบอร์ดีน อีเมอร์จิ้ง ออพพอร์ทูนิตี้ส์ บอนด์ ฟันด์มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -0.67% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -2.00% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.34% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 3.83%
ด้านกองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล อีเมอร์จิ้ง โกรท ฟันด์มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -2.74% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -9.13% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -3.26% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -17.03%
เช่นเดียวกับกองทุนเปิด อเบอร์ดีน อินเดีย โกรท ฟันด์มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -9.15% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -17.63% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -11.73% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -24.14%
"ในปีหน้าความเสี่ยงของการลงทุนยังคงอยู่ที่เศรษฐกิจโลกโดยรวมที่มีความเสี่ยงจากปัญหาในยุโรปที่อาจเกิดความรุนแรงมากขึ้น"นายชัยเกษม กล่าว
