บลจ. ธนชาต ใจดีจ่ายปันผลกองทุนหุ้น “อุดมทรัพย์ปันผล 2” ในอัตรา 0.35 บาทต่อหน่วย ผู้ถือหน่วยเฮรับพร้อมกัน 27 ต.ค.นี้ ด้านกองทุนตราสารหนี้เปิดโลโอเวอร์พร้อมกัน 2 กองทุน กองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/4 และกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 3 เดือน#5 หวังเป็นอีกทางเลือกให้นักลงทุนไม่ชอบเสี่ยง
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนเปิดอุดมทรัพย์ปันผล 2 มีมติในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาจ่ายผลตอบแทนกองทุนครั้งที่ 35/2554 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา ให้จ่ายเงินปันผลประจำปีสำหรับปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2554 ในอัตราหน่วยละ 0.35 บาท ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อปรากฎอยู่ในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2554 โดยกำหนดให้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 27 ตุลาคม นี้
ทั้งนี้สัดส่วนการลงทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2554 กองทุนได้เข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร 20.41% พลังงานและสาธารณูปโภค 15.91% อาหารและเครื่องดื่ม 7.41% พาณิชย์ 7.34% พัฒนาอสัหาริมทรัพย์ 6.78% อื่น ๆ อีก 26.59% ขณะที่ในส่วนของหุ้นกู้และพันธบัตร กองทุนได้เข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่ 11.56%
นอกจากนี้ผู้ออกหลักทรัพย์ที่กองทุนเข้าไปลงทุนใน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 10.94% 2.ธนาคารกสิกรไทย 6% 3. บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) 5.71% 4. ธนาคารไทยพาณิชย์ 5.63% และ 5. บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) 5.54%
ขณะเดียวกันกองทุนได้เปิดขายกองทุนโลโอเวอร์เพิ่มขึ้นอีก 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/4 โดยได้รับคำสั่งซื้อขายแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 28 ตุลาคม 2554
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนประเภทคุ้มครองเงินต้น แบบไม่มีกำหนดอายุของโครงการ โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนตราสารหนี้ที่เป็นตราสารภาครัฐไทย เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรฐบาลหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตร ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน หุ้นกู้ หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก
ส่วนกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 3 เดือน#5 รับคำสั่งซื้อขายแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 21 ตุลาคม 2554 ซึ่งกองทุนดังกล่าวเหมาะกับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงของตราสารหนี้ได้ โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความมั่นคง โดยจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่มีคุณภาพเช่น หุ้นกู้ หรือตราสารภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือเงินฝาก โดยเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนต่อเนื่อง ลงทุนเพิ่มเติม หรือไถ่ถอนการลงทุนได้ทุก ๆ ระยะเวลา 3 เดือน ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวเหมาะจะเป็นทางเลือกสำหรับบุคคลธรรมดาที่ต้องการลงทุนที่ตอบแทนไม่เสียภาษี
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนเปิดอุดมทรัพย์ปันผล 2 มีมติในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาจ่ายผลตอบแทนกองทุนครั้งที่ 35/2554 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา ให้จ่ายเงินปันผลประจำปีสำหรับปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2554 ในอัตราหน่วยละ 0.35 บาท ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อปรากฎอยู่ในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2554 โดยกำหนดให้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 27 ตุลาคม นี้
ทั้งนี้สัดส่วนการลงทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2554 กองทุนได้เข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร 20.41% พลังงานและสาธารณูปโภค 15.91% อาหารและเครื่องดื่ม 7.41% พาณิชย์ 7.34% พัฒนาอสัหาริมทรัพย์ 6.78% อื่น ๆ อีก 26.59% ขณะที่ในส่วนของหุ้นกู้และพันธบัตร กองทุนได้เข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่ 11.56%
นอกจากนี้ผู้ออกหลักทรัพย์ที่กองทุนเข้าไปลงทุนใน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 10.94% 2.ธนาคารกสิกรไทย 6% 3. บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) 5.71% 4. ธนาคารไทยพาณิชย์ 5.63% และ 5. บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) 5.54%
ขณะเดียวกันกองทุนได้เปิดขายกองทุนโลโอเวอร์เพิ่มขึ้นอีก 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/4 โดยได้รับคำสั่งซื้อขายแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 28 ตุลาคม 2554
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนประเภทคุ้มครองเงินต้น แบบไม่มีกำหนดอายุของโครงการ โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนตราสารหนี้ที่เป็นตราสารภาครัฐไทย เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรฐบาลหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตร ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน หุ้นกู้ หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก
ส่วนกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 3 เดือน#5 รับคำสั่งซื้อขายแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 21 ตุลาคม 2554 ซึ่งกองทุนดังกล่าวเหมาะกับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงของตราสารหนี้ได้ โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความมั่นคง โดยจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่มีคุณภาพเช่น หุ้นกู้ หรือตราสารภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือเงินฝาก โดยเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนต่อเนื่อง ลงทุนเพิ่มเติม หรือไถ่ถอนการลงทุนได้ทุก ๆ ระยะเวลา 3 เดือน ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวเหมาะจะเป็นทางเลือกสำหรับบุคคลธรรมดาที่ต้องการลงทุนที่ตอบแทนไม่เสียภาษี
