บลจ.กรุงไทย ประเมินปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัด และปัญหาเศรษฐกิจโลก เป็นปัจจัยกดดันให้กนง.อาจตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ 19 ตุลาคมนี้ ล่าสุดส่งกองทุน "กรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน1" ลงทุน 6 เดือนให้ยิลด์สูงถึง 3.45% ต่อปี ขณะที่บลจ.หทารไทย ส่งกองทุนพันธบัตรระยะสั้นโรโอเวอร์พร้อมกัน 3 กองทุน เปิดขายไอพีโอพร้อมกันแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 25 ตุลาคม 2554
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน ) กล่าวว่า ผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐอเมริกาซึ่งจะกระทบต่อภาคการค้าและการลงทุนในต่างประเทศ รวมถึงผลกระทบจากวิกฤตการณ์น้ำท่วมในประเทศ จึงทำให้มีการคาดการณ์ว่าการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และหากปัญหาทั้งในและต่างประเทศยังมีความรุนแรง จนส่งผลต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้า ก็จะเป็นตัวแปรทำให้ กนง. ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินให้มีความผ่อนคลายเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน1( KTSIV6M1 ) เสนอขาย 17-21 ตุลาคม 2554 อายุโครงการ 6 เดือน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน เงินฝาก และตราสารหนี้สถาบันการเงินในประเทศ ประกอบด้วย ธนาคารทิสโก้ ,ธนาคารธนชาต และตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.45% ต่อปี ไม่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่ายกองทุนนี้ จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น และรับความเสี่ยงได้ในระดับค่อนข้างต่ำ
ขณะที่รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด ระบุว่า บริษัทได้ทำการเปิดขาย กองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 3 เดือน (รุ่นที่ 1) 6เดือน (รุ่นที่ 4) และ 1 ปี (รุ่นที่ 10) ซึ่งเป็นกองทุนโรลโอเวอร์ โดยเปิดขายหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ 17-25 ตุลาคม 2554
ทั้งนี้ ตราสารที่บริษัทเลือกลงทุนนั้น แบ่งเป็น ตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรธนคารแห่งประเทศไทย อายุ 3 เดือน (รุ่นที่3) มูลค่ากองทุน 10,000 ล้านบาท ซึ่งมีผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 3.25% ต่อปี ขณะที่ ตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรธนคารแห่งประเทศไทย อายุ 6 เดือน (รุ่นที่4) มูลค่า 5,000 ล้านบาท มีผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 3.28% ต่อปี และ ตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรธนคารแห่งประเทศไทย อายุ 1 ปี (รุ่นที่10) มูลค่า 2,000 ล้านบาท มีผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 3.30% ต่อปี
ทั้งนี้กองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 3 เดือน (รุ่น 1) 6 เดือน (รุ่นที่ 4) และ 1 ปี (รุ่นที่ 10)นั้น มีนโยบายการลงทุน เหมือนกันคือ เน้นลงทุนในตราสารตลาดเงินภาครัฐ ในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน ขณะที่ เงินส่วนที่เหลือกองทุนจะลงทุนในเงินฝากหรือตั๋วสัญญาใช้เงินหรือบัตรเงินฝากที่ออกโดยสถาบันการเงินหรือธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ซึ่งจะลงทุนในตราสารหรือเงินฝากที่มีอายุคงเหลือสูงสุดประมาณ 3 เดือนนับแต่วันที่ลงทุน
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน ) กล่าวว่า ผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐอเมริกาซึ่งจะกระทบต่อภาคการค้าและการลงทุนในต่างประเทศ รวมถึงผลกระทบจากวิกฤตการณ์น้ำท่วมในประเทศ จึงทำให้มีการคาดการณ์ว่าการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และหากปัญหาทั้งในและต่างประเทศยังมีความรุนแรง จนส่งผลต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้า ก็จะเป็นตัวแปรทำให้ กนง. ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินให้มีความผ่อนคลายเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน1( KTSIV6M1 ) เสนอขาย 17-21 ตุลาคม 2554 อายุโครงการ 6 เดือน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน เงินฝาก และตราสารหนี้สถาบันการเงินในประเทศ ประกอบด้วย ธนาคารทิสโก้ ,ธนาคารธนชาต และตั๋วแลกเงินของภาคเอกชน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.45% ต่อปี ไม่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่ายกองทุนนี้ จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น และรับความเสี่ยงได้ในระดับค่อนข้างต่ำ
ขณะที่รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด ระบุว่า บริษัทได้ทำการเปิดขาย กองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 3 เดือน (รุ่นที่ 1) 6เดือน (รุ่นที่ 4) และ 1 ปี (รุ่นที่ 10) ซึ่งเป็นกองทุนโรลโอเวอร์ โดยเปิดขายหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ 17-25 ตุลาคม 2554
ทั้งนี้ ตราสารที่บริษัทเลือกลงทุนนั้น แบ่งเป็น ตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรธนคารแห่งประเทศไทย อายุ 3 เดือน (รุ่นที่3) มูลค่ากองทุน 10,000 ล้านบาท ซึ่งมีผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 3.25% ต่อปี ขณะที่ ตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรธนคารแห่งประเทศไทย อายุ 6 เดือน (รุ่นที่4) มูลค่า 5,000 ล้านบาท มีผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 3.28% ต่อปี และ ตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรธนคารแห่งประเทศไทย อายุ 1 ปี (รุ่นที่10) มูลค่า 2,000 ล้านบาท มีผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 3.30% ต่อปี
ทั้งนี้กองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 3 เดือน (รุ่น 1) 6 เดือน (รุ่นที่ 4) และ 1 ปี (รุ่นที่ 10)นั้น มีนโยบายการลงทุน เหมือนกันคือ เน้นลงทุนในตราสารตลาดเงินภาครัฐ ในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน ขณะที่ เงินส่วนที่เหลือกองทุนจะลงทุนในเงินฝากหรือตั๋วสัญญาใช้เงินหรือบัตรเงินฝากที่ออกโดยสถาบันการเงินหรือธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ซึ่งจะลงทุนในตราสารหรือเงินฝากที่มีอายุคงเหลือสูงสุดประมาณ 3 เดือนนับแต่วันที่ลงทุน
