ASTVผู้จัดการรายวัน - กองทุนพาเหรดขายกองทุนตราสารหนี้ รับเงินลูกค้าหนีความผันผวน ชูทางเลือกลงทุนแบบไม่เสี่ยง ในบอนด์ทั้งในและต่างประเทศ
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากภาวะความผันผวนของโลกค่อนข้างมาก อันเนื่องจากผลกระทบของหนี้สาธารณะประเทศในยุโรป ซึ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้กระแสเงินลงทุนจากทั่วโลกหันเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศเกิดใหม่ รวมทั้งไทย ซึ่งมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงจากดอกเบี้ยที่สูงกว่า และค่าเงินในตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มแข็งค่าจากเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และมีโอกาสปรับเพิ่มอันดับเครดิต ซึ่งเอ็มเอฟซีมองว่าเป็นโอกาสเหมาะสมกับการลงทุนในตราสารหนี้ เพื่อเป็นทางเลือกที่ไม่เสี่ยงมากให้กับผู้สนใจลงทุน และเป็นโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี จึงได้เปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี กาญจนทรัพย์ 6 ซีรี่ส์ 18 หรือ MK6S18 ระหว่างวันที่ 5-11 ตุลาคมนี้
โดยกองทุนเปิด MK6S18 มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท จะลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินแบบเต็มจำนวน (Fully Hedge) โดยจะลงทุนในเงินฝากหรือตราสารหนี้ที่มีคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ ที่ให้ผลตอบแทนเหมาะสมกับความเสี่ยง เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หรือตราสารทางการเงินที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ หรือออกโดยสถาบันที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเต็มจำนวน
ทั้งนี้ ตราสารที่กองทุนเปิด MK6S18 คาดว่าจะลงทุน ประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาลไทย ตั๋วแลกเงินธนาคารทิสโก้ ตั๋วสัญญาใช้เงินธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือเงินฝากของ Bank of China ตั๋วแลกเงิน บมจ. อยุธยาแคปิตอล ออโต้ลิส ตั๋วแลกเงินบมจ. เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นต้น
ขณะที่รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กำลังขายกองทุนรวมบัวหลวงตราสารหนี้ชนิดระบุวันครบกำหนด 31/11 ระหว่างวันที่ IPO 5 - 11 ตุลาคม 54 นี้ โดยกองทุนรวมบัวหลวงตราสารหนี้ชนิดระบุวันครบกำหนด 31/11 (B-Fixterm 31/11) อายุประมาณ 6 เดือน ประมาณการผลตอบแทน 3.50% ต่อปี ขนาดโครงการ 4,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐ และภาคเอกชน ทั้งใน
ประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าว เหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคง และความเสี่ยงต่ำ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ที่ราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วยลงทุน สำหรับตราสารหนี้ และ / หรือประเทศที่จะลงทุนอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวการณ์ของตลาดตราสารหนี้ขณะนั้นๆ
ส่วนรายงานข่าวจากบลจ.กรุงศรี จำกัด ระบุว่า บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนเปิดกรุงศรีไทยโน้ท 6M12 ตั้งแต่วันนี้ถึง 10 ตุลาคม 2554 โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในลงทุนในตราสารแห่งหนี้ เงินฝาก ทั้งของภาครัฐบาล ภาครัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน เช่น ตราสารหนี้ภาครัฐไทย ตั๋วแลกเงินออก
โดยธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ตั๋วแลกเงินออกโดยธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และตั๋วแลกเงินออกโดยบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) โดยกองทุนดังกล่าวมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน และให้ผลอตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 3.50% ต่อปี
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากภาวะความผันผวนของโลกค่อนข้างมาก อันเนื่องจากผลกระทบของหนี้สาธารณะประเทศในยุโรป ซึ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้กระแสเงินลงทุนจากทั่วโลกหันเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศเกิดใหม่ รวมทั้งไทย ซึ่งมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงจากดอกเบี้ยที่สูงกว่า และค่าเงินในตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มแข็งค่าจากเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และมีโอกาสปรับเพิ่มอันดับเครดิต ซึ่งเอ็มเอฟซีมองว่าเป็นโอกาสเหมาะสมกับการลงทุนในตราสารหนี้ เพื่อเป็นทางเลือกที่ไม่เสี่ยงมากให้กับผู้สนใจลงทุน และเป็นโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี จึงได้เปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี กาญจนทรัพย์ 6 ซีรี่ส์ 18 หรือ MK6S18 ระหว่างวันที่ 5-11 ตุลาคมนี้
โดยกองทุนเปิด MK6S18 มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท จะลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินแบบเต็มจำนวน (Fully Hedge) โดยจะลงทุนในเงินฝากหรือตราสารหนี้ที่มีคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ ที่ให้ผลตอบแทนเหมาะสมกับความเสี่ยง เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หรือตราสารทางการเงินที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ หรือออกโดยสถาบันที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเต็มจำนวน
ทั้งนี้ ตราสารที่กองทุนเปิด MK6S18 คาดว่าจะลงทุน ประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาลไทย ตั๋วแลกเงินธนาคารทิสโก้ ตั๋วสัญญาใช้เงินธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือเงินฝากของ Bank of China ตั๋วแลกเงิน บมจ. อยุธยาแคปิตอล ออโต้ลิส ตั๋วแลกเงินบมจ. เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นต้น
ขณะที่รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กำลังขายกองทุนรวมบัวหลวงตราสารหนี้ชนิดระบุวันครบกำหนด 31/11 ระหว่างวันที่ IPO 5 - 11 ตุลาคม 54 นี้ โดยกองทุนรวมบัวหลวงตราสารหนี้ชนิดระบุวันครบกำหนด 31/11 (B-Fixterm 31/11) อายุประมาณ 6 เดือน ประมาณการผลตอบแทน 3.50% ต่อปี ขนาดโครงการ 4,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐ และภาคเอกชน ทั้งใน
ประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าว เหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคง และความเสี่ยงต่ำ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ที่ราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วยลงทุน สำหรับตราสารหนี้ และ / หรือประเทศที่จะลงทุนอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวการณ์ของตลาดตราสารหนี้ขณะนั้นๆ
ส่วนรายงานข่าวจากบลจ.กรุงศรี จำกัด ระบุว่า บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนเปิดกรุงศรีไทยโน้ท 6M12 ตั้งแต่วันนี้ถึง 10 ตุลาคม 2554 โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในลงทุนในตราสารแห่งหนี้ เงินฝาก ทั้งของภาครัฐบาล ภาครัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน เช่น ตราสารหนี้ภาครัฐไทย ตั๋วแลกเงินออก
โดยธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ตั๋วแลกเงินออกโดยธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และตั๋วแลกเงินออกโดยบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) โดยกองทุนดังกล่าวมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน และให้ผลอตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 3.50% ต่อปี
