4 บลจ. แตะมือคลอดกองทุนบอนด์สู้ศึกดอกเบี้ยเงินฝาก หวังดึงลูกค้าลงทุนเพิ่ม เน้นลงทุนระยะสั้นได้ผลตอบแทนเยี่ยม
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ภาวะตลาดหลักทรัพย์ มีความผันผวนค่อนข้างมาก บริษัทเสนอทางเลือกให้กับผู้ลงทุน โดยการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 1 ( KTFIX3M1 ) อายุโครงการ 3 เดือน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ ทั้ง 100% ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.20% ต่อปี ซึ่งกองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับค่อนข้างต่ำ และต้องการพักเงินไว้ในระยะสั้นๆ ก่อนที่จะหาโอกาสในการลงทุนต่อไป นอกจากนี้ ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนไม่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย
สำหรับแนวโน้มตลาดตราสารหนี้ในประเทศ มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหา
เศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะส่งผลต่อความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกและไทย จึงทำให้เริ่มมีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องมีความเป็นไปได้ลดลง
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงนี้ คือ การเคลื่อนไหวของเงินทุนระหว่างประเทศ ซึ่งเกิดจากความเสี่ยงด้านเครดิตของกลุ่มประเทศในยุโรป และเริ่มส่งผลต่อสภาพคล่องของสถาบันการเงิน จึงทำให้สถาบันการเงินต่างๆ รวมถึงกองทุนระหว่างประเทศมีการขายสินทรัพย์ต่างๆ หันไปถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเพิ่มขึ้น เช่น พันธบัตรรัฐบาล เงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ เป็นต้น
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซีไอเอ็มบี - พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนเปิดซีไอเอ็มบี - พรินซิเพิล ตราสารหนี้ 6M8 (CIMB-PRINCIPAL FIX 6M8) โดยกองทุนดังกล่าวมีอายุ 6 เดือน มีมูลค่า 2,000 ล้านบาท เริ่มเปิดไอพีโอตั้งแต่วันที่ 3 - 10 ตุลาคม 2554
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวเหมาะที่จะเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่ต้องการหาโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หรือภาคเอกชนที่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้นสูง โดยมีอันความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจาก ก.ล.ต.
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เห็นว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.50% ถือว่ามีเสถียรภาพ แต่ ธปท. ยังคงต้องติดตามภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ด้านรัฐบาลต้องการให้ ธปท. ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบัน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ไม่ได้เกิดจากเศรษฐกิจที่เติบโตรวดเร็วเกินไป กอปรกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขณะนี้ที่ 2.85% ยังอยู่ในกรอบที่ ธปท.วางไว้ที่ 0.5-3.0% จึงทำให้มุมมองแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังไม่ชัดเจนเท่าใดนัก
สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อตลาดเงินและตลาดทุนในสัปดาห์นี้ จะต้องจับตาการเจรจาของสหภาพยุโรป (EU) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในการปล่อยวงเงินช่วยเหลือกรีซ และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ สำหรับปัจจัยในประเทศ จะต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจ และตัวเลขเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ มุมมองด้านการลงทุน บริษัทฯ ยังคงแนะนำ การลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศระยะสั้นๆ โดยในวันที่ 28 กันยายน นี้ บริษัทฯ จะเปิดเสนอขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ (Rollover) กองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้ 4 (ASP-ACFIXED4) ในรอบการลงทุนนี้ จะพิจารณาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยมีรอบการลงทุนประมาณ 3 เดือน และคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.30% ต่อปี
ด้านนายสุรธีร์ กิตติวรวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เสนอขาย กองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/3 (TGOV3M3) รอบการลงทุนประมาณ 3 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.25% ต่อปี ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐประมาณ 99.80 % และลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ประมาณ 0.20% ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 3.3500% โดยจะรับคำสั่งซื้อ–ขายจนถึงวันที่ 30 กันยายนนี้
โดยกองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ที่เป็นตราสารภาครัฐไทย เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตร ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน หุ้นกู้ ที่กระทรวงการคลังหรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันกาเรงินเป็นผู้ออก หรือตราสารที่เทียบเป็นเงินสด โดยเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนต่อเนื่อง หรือลงทุนเพิ่มเติมได้ เป็นระยะเวลา 3 เดือน
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ภาวะตลาดหลักทรัพย์ มีความผันผวนค่อนข้างมาก บริษัทเสนอทางเลือกให้กับผู้ลงทุน โดยการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 1 ( KTFIX3M1 ) อายุโครงการ 3 เดือน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ ทั้ง 100% ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.20% ต่อปี ซึ่งกองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับค่อนข้างต่ำ และต้องการพักเงินไว้ในระยะสั้นๆ ก่อนที่จะหาโอกาสในการลงทุนต่อไป นอกจากนี้ ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนไม่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย
สำหรับแนวโน้มตลาดตราสารหนี้ในประเทศ มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหา
เศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะส่งผลต่อความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกและไทย จึงทำให้เริ่มมีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องมีความเป็นไปได้ลดลง
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงนี้ คือ การเคลื่อนไหวของเงินทุนระหว่างประเทศ ซึ่งเกิดจากความเสี่ยงด้านเครดิตของกลุ่มประเทศในยุโรป และเริ่มส่งผลต่อสภาพคล่องของสถาบันการเงิน จึงทำให้สถาบันการเงินต่างๆ รวมถึงกองทุนระหว่างประเทศมีการขายสินทรัพย์ต่างๆ หันไปถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเพิ่มขึ้น เช่น พันธบัตรรัฐบาล เงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ เป็นต้น
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซีไอเอ็มบี - พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนเปิดซีไอเอ็มบี - พรินซิเพิล ตราสารหนี้ 6M8 (CIMB-PRINCIPAL FIX 6M8) โดยกองทุนดังกล่าวมีอายุ 6 เดือน มีมูลค่า 2,000 ล้านบาท เริ่มเปิดไอพีโอตั้งแต่วันที่ 3 - 10 ตุลาคม 2554
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวเหมาะที่จะเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่ต้องการหาโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หรือภาคเอกชนที่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้นสูง โดยมีอันความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจาก ก.ล.ต.
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เห็นว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.50% ถือว่ามีเสถียรภาพ แต่ ธปท. ยังคงต้องติดตามภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ด้านรัฐบาลต้องการให้ ธปท. ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบัน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ไม่ได้เกิดจากเศรษฐกิจที่เติบโตรวดเร็วเกินไป กอปรกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขณะนี้ที่ 2.85% ยังอยู่ในกรอบที่ ธปท.วางไว้ที่ 0.5-3.0% จึงทำให้มุมมองแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังไม่ชัดเจนเท่าใดนัก
สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อตลาดเงินและตลาดทุนในสัปดาห์นี้ จะต้องจับตาการเจรจาของสหภาพยุโรป (EU) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในการปล่อยวงเงินช่วยเหลือกรีซ และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ สำหรับปัจจัยในประเทศ จะต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจ และตัวเลขเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ มุมมองด้านการลงทุน บริษัทฯ ยังคงแนะนำ การลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศระยะสั้นๆ โดยในวันที่ 28 กันยายน นี้ บริษัทฯ จะเปิดเสนอขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ (Rollover) กองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟตราสารหนี้ 4 (ASP-ACFIXED4) ในรอบการลงทุนนี้ จะพิจารณาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยมีรอบการลงทุนประมาณ 3 เดือน และคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.30% ต่อปี
ด้านนายสุรธีร์ กิตติวรวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เสนอขาย กองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/3 (TGOV3M3) รอบการลงทุนประมาณ 3 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.25% ต่อปี ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐประมาณ 99.80 % และลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ประมาณ 0.20% ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 3.3500% โดยจะรับคำสั่งซื้อ–ขายจนถึงวันที่ 30 กันยายนนี้
โดยกองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ที่เป็นตราสารภาครัฐไทย เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตร ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน หุ้นกู้ ที่กระทรวงการคลังหรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันกาเรงินเป็นผู้ออก หรือตราสารที่เทียบเป็นเงินสด โดยเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนต่อเนื่อง หรือลงทุนเพิ่มเติมได้ เป็นระยะเวลา 3 เดือน