บลจ.กสิกรไทยแจงน้ำไม่ท่วมพอร์ตหุ้น เหตุไม่มีการลงทุนในกลุ่มชิ้นส่วน และอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมเดินหน้าช้อนหุ้นพลังงานหลังราคาปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา มั่นใจหุ้นไทยสิ้นปีหน้ายังอยู่ในกรอบ 1,050-1,100 จุด แต่จีดีพีไทยยังหด 1% หลังน้ำท่วม
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมที่ขึ้นในวงกว้างน่าจะส่งผลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ(จีดีพี)ในปีนี้ปรับลดลงประมาณ 1% ส่วนความเสียหายที่นิคม อุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาจส่งกระทบต่อหุ้น ของบริษัทผลิตชิ้นส่วน รถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ในเขตพื้นที่ดังกล่าว แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงิน โดยรวมของกลุ่มบริษัทนี้มากนัก เนื่องจากมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
สำหรับการลงทุนของบริษัทจะยังคงเน้น ลงทุนในหุ้นที่ เติบโตจากการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก อาทิ กลุ่มค้าปลีกและกลุ่มสื่อสาร ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์เรามีการลงทุนสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากเมองว่ากลุ่มธนาคารจะได้รับประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมาก ที่สุด ทั้งนโยบายลดภาษีรถยนต์และบ้านหลังแรก รวมถึงมาตรการลดภาษีนิติบุคคล
ทั้งนี้ ส่งผลให้พอร์ตการลงทุนหุ้นของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม เนื่อจากไม่มีการลงทุนในหุ้นของกลุ่มธุรกิจประกอบ รถยนต์และชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ ประกอบกับ ทีมผู้จัดการกองทุนและทีมวิจัยเศรษฐกิจยังคงติดตามสถานการณ์ภายในประเทศ และ สภาวะตลาดอย่างต่อเนื่อง ผู้ลงทุนในกองทุนหุ้นของบริษัทจึงคลายความกังวลใจได้
"กองทุนห้นของบริษัทไม่มีการลงทุนในกลุ่มชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ แต่จะเน้น ส่วนหุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เราลงทุนในหุ้น HEMRAJ และ AMATA ก็มีการลงทุนเป็นสัดส่วนที่ไม่เกิน 2% ของพอร์ต เท่านั้น และทั้ง 2 นิคมอุตสาหกรรมนี้ก็ยังไม่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม แต่อย่างใด ส่วนการถือครองเงินสดในพอร์ต เรายังคงการถือเงินสดส่วนหนึ่งอยู่เพื่อชะลอดู สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ล่าสุดก็ได้ทยอยดึงเงินออกมาเพื่อซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งราคาเริ่มปรับ ลดลงมาค่อนข้างมาก เพื่อสร้างโอกาสทำกำไรให้ผู้ลงทุนในกองทุนหุ้น” นายพัชรกล่าว
อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าของบริษัท เพื่อรองรับการลงทุนในกรณีเกิดปัญหาอุทกภัย ในเขตกรุงเทพมหานครบริษัทได้เตรียมแผนฉุกเฉินเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ลงทุน โดยมีความพร้อมทางระบบปฏิบัติการทางทะเบียน ซึ่งจะรองรับการซื้อ ขายและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนตามปกติทั้งสำหรับกลุ่มลูกค้ากองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล เช่นเดียวกันกับระบบที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของ ทีมผู้จัดการกองทุน
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนยังคงสามารถทำรายการซื้อขายกองทุนได้ผ่านธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขาที่เปิดทำการ หรือซื้อขายผ่านบริการ K-Cyber Invest ส่วนK Asset Contact Center ยังคงพร้อมเปิดให้บริการตอบข้อซักถามและให้คำปรึกษาด้านการลงทุนตามปกติจนกว่าธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศให้เป็นวันหยุดของสถาบันการเงิน สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศให้เป็นวันหยุดทำการพิเศษของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บริษัทหลักทรัพย์ จัดการกองทุน (บลจ.) และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทยหยุดทำการในกรณีที่สถานการณ์น้ำท่วมจะทวีความรุนแรงขึ้น
นายพัชร กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นไปที่ประมาณ 1,050 - 1,100 จุดภายในสิ้นปี 2555 โดยในส่วนของปัญหาหนี้ในยุโรปที่กระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยเฉพาะความกังวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ของประเทศกรีซที่สร้างความตระหนกให้ตลาดหุ้นไทยจนปรับตัวลงไปถึง 14 % คาดว่า สถานการณ์ดังกล่าวเริ่มคลายความตึงเครียด ลงหลังจากกลุ่มสหภาพยุโรปได้ประกาศให้ความช่วยเหลือธนาคารที่มีความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ของประเทศกรีซ โดยจะสนับสนุนวงเงินกู้อย่างไม่จำกัดจนถึงปี 2555
นอกจากนี้ การที่ผู้นำฝรั่งเศส และเยอรมันได้ให้คำมั่นที่จะสนับสนุนการเพิ่มทุนให้ธุรกิจธนาคาร ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลก เริ่มปรับตัวกลับขึ้นมาอีกครั้งและเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนสู่ผู้ลงทุนได้อย่างดีอีกด้วย
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมที่ขึ้นในวงกว้างน่าจะส่งผลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ(จีดีพี)ในปีนี้ปรับลดลงประมาณ 1% ส่วนความเสียหายที่นิคม อุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาจส่งกระทบต่อหุ้น ของบริษัทผลิตชิ้นส่วน รถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ในเขตพื้นที่ดังกล่าว แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงิน โดยรวมของกลุ่มบริษัทนี้มากนัก เนื่องจากมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
สำหรับการลงทุนของบริษัทจะยังคงเน้น ลงทุนในหุ้นที่ เติบโตจากการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก อาทิ กลุ่มค้าปลีกและกลุ่มสื่อสาร ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์เรามีการลงทุนสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากเมองว่ากลุ่มธนาคารจะได้รับประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมาก ที่สุด ทั้งนโยบายลดภาษีรถยนต์และบ้านหลังแรก รวมถึงมาตรการลดภาษีนิติบุคคล
ทั้งนี้ ส่งผลให้พอร์ตการลงทุนหุ้นของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม เนื่อจากไม่มีการลงทุนในหุ้นของกลุ่มธุรกิจประกอบ รถยนต์และชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ ประกอบกับ ทีมผู้จัดการกองทุนและทีมวิจัยเศรษฐกิจยังคงติดตามสถานการณ์ภายในประเทศ และ สภาวะตลาดอย่างต่อเนื่อง ผู้ลงทุนในกองทุนหุ้นของบริษัทจึงคลายความกังวลใจได้
"กองทุนห้นของบริษัทไม่มีการลงทุนในกลุ่มชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ แต่จะเน้น ส่วนหุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เราลงทุนในหุ้น HEMRAJ และ AMATA ก็มีการลงทุนเป็นสัดส่วนที่ไม่เกิน 2% ของพอร์ต เท่านั้น และทั้ง 2 นิคมอุตสาหกรรมนี้ก็ยังไม่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม แต่อย่างใด ส่วนการถือครองเงินสดในพอร์ต เรายังคงการถือเงินสดส่วนหนึ่งอยู่เพื่อชะลอดู สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ล่าสุดก็ได้ทยอยดึงเงินออกมาเพื่อซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งราคาเริ่มปรับ ลดลงมาค่อนข้างมาก เพื่อสร้างโอกาสทำกำไรให้ผู้ลงทุนในกองทุนหุ้น” นายพัชรกล่าว
อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าของบริษัท เพื่อรองรับการลงทุนในกรณีเกิดปัญหาอุทกภัย ในเขตกรุงเทพมหานครบริษัทได้เตรียมแผนฉุกเฉินเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ลงทุน โดยมีความพร้อมทางระบบปฏิบัติการทางทะเบียน ซึ่งจะรองรับการซื้อ ขายและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนตามปกติทั้งสำหรับกลุ่มลูกค้ากองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล เช่นเดียวกันกับระบบที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของ ทีมผู้จัดการกองทุน
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนยังคงสามารถทำรายการซื้อขายกองทุนได้ผ่านธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขาที่เปิดทำการ หรือซื้อขายผ่านบริการ K-Cyber Invest ส่วนK Asset Contact Center ยังคงพร้อมเปิดให้บริการตอบข้อซักถามและให้คำปรึกษาด้านการลงทุนตามปกติจนกว่าธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศให้เป็นวันหยุดของสถาบันการเงิน สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศให้เป็นวันหยุดทำการพิเศษของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บริษัทหลักทรัพย์ จัดการกองทุน (บลจ.) และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทยหยุดทำการในกรณีที่สถานการณ์น้ำท่วมจะทวีความรุนแรงขึ้น
นายพัชร กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นไปที่ประมาณ 1,050 - 1,100 จุดภายในสิ้นปี 2555 โดยในส่วนของปัญหาหนี้ในยุโรปที่กระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยเฉพาะความกังวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ของประเทศกรีซที่สร้างความตระหนกให้ตลาดหุ้นไทยจนปรับตัวลงไปถึง 14 % คาดว่า สถานการณ์ดังกล่าวเริ่มคลายความตึงเครียด ลงหลังจากกลุ่มสหภาพยุโรปได้ประกาศให้ความช่วยเหลือธนาคารที่มีความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ของประเทศกรีซ โดยจะสนับสนุนวงเงินกู้อย่างไม่จำกัดจนถึงปี 2555
นอกจากนี้ การที่ผู้นำฝรั่งเศส และเยอรมันได้ให้คำมั่นที่จะสนับสนุนการเพิ่มทุนให้ธุรกิจธนาคาร ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลก เริ่มปรับตัวกลับขึ้นมาอีกครั้งและเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนสู่ผู้ลงทุนได้อย่างดีอีกด้วย