xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรฯสบช่องขายอีทีเอฟทองคำ คาดปีหน้าแตะ2พัน-เหมาะซื้อเก็บ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.กสิกรไทยจับมือ 3 บิ๊กธุรกิจวงการทองคำ เปิดขายกองETFทองคำล่อใจนักลงทุนภายในเดือนตุลานี้ ชูจุดเด่นต้นทุนต่ำมีทองคำหนุนจริงครบทุกหน่วยลงทุน ด้านกูรูคาดทองปีหน้าพุ่งแตะ 2 พันดอลลาร์สหรัฐต่ออนซ์ แนะจังหวะดีช้อนซื้อช่วงราคาตก ระบุแนวโน้มธุรกิจเชิงลบ-ความต้องการทองคำ ช่วยหนุนราคาขึ้นอีก

นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภายในตุลาคมนี้บริษัทจะเสนอขายกองทุนเปิดเค โกลด์ อีทีเอฟ (K GOLD ETF : KG965) เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนจากทองคำแท่งในประเทศ
โดยกองทุนดังกล่าวจะนำเงินจากลูกค้าไปซื้อทองคำแท่ง 96.5% มาเก็บไว้ให้ ซึ่งลูกค้าสามารถซื้อ-ขายแบบเรียลไทม์ ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ในราคาที่ใกล้เคียงกับราคาทองคำในประเทศ เสมือนการซื้อขายทองคำแท่งจริง

ส่วนจุดเด่นของกองทุนนี้คือ นักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของทองคำแท่งได้ด้วยเงินลงทุนเพียง30,000 บาท และยังไม่ต้องกังวลกับการเก็บรักษา ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้ดูแลเก็บรักษาในตู้นิรภัยของ Brink’s (Thailand) บริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการเก็บรักษาวัตถุมีค่าระดับโลก พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรับทองคำแท่งเมื่อขายคืนหน่วยลงทุนภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด เทียบเท่ากับการซื้อ -ขายทองคำแท่งจริงๆ

“โดยทั่วไปการซื้อขายทองคำแท่งจะมีน้ำหนักขั้นต่ำที่ 5 บาท หรือประมาณ 120,000 บาท ดังนั้น ความน่าสนใจของกองทุน KG965 จึงอยู่ที่ต้นทุนต่ำ และทุกหน่วยลงทุนจะมีทองคำรองรับครบตามจำนวน และมั่นใจได้ว่าจะมีการเก็บรักษาอย่างดี โดยทางบลจ.จะมีผู้ตรวจสอบความบริสุทธิ์ของทองคำทุกครั้งที่มีการส่งมอบก่อนนำไปเก็บรักษาเอาไว้"นายพัชรกล่าว

แนะเก็บทองช่วงราคาตก
 

ด้าน นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ในฐานะผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุน และผู้ดูแลสภาพคล่องกองทุน KG965 เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาทองคำหลังจากนี้คงจะยังมีความผันผวนในระยะสั้น ส่วนระยะกลางถึงยาวน่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก โดยในช่วงต้นปีหน้าอาจจะมีการปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้หากราคาทองคำยังคงสามารถยืนอยู่ในระดับ 1,640 ดอลลาร์สหรัฐต่ออนซ์

สำหรับการลงทุนทองคำช่วงนี้เชื่อว่าน่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะสมเนื่องจากราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา แต่แนวโน้มราคาทองคำยังสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อีก เนื่องจากปัจจุบันทองคำยังคงมีความต้องอยู่สูงกว่าปริมาณทองคำ โดยสังเกตได้จากการส่งมอบทองคำแท่งในตลาดโลกที่ไม่สามารถทำได้ในวันเดียวแต่จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 7-10 วัน

"ที่ผ่านมามีแรงขายของธนาคารและเฮดจ์ฟันด์เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง หลังจากที่วิกฤตหนี้สินยุโรปยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่หลังจากนี้คงจะน้อยลง เพราะถ้ามองระยะยาวในมุมของเศรษฐกิจเชิงลบ และปัญหาหนี้ยุโรป ทองคำที่เป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำนักลงทุนก็น่าจะหันกลับมาซื้อใหม่เช่นกัน เพราะเท่าที่ดูกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง SPDR ยังขายออกมาไม่ถึง 1% จากที่ถือครองอยู่ 1,250 ตันก็แสดงว่าทองคำยังเป็นมุมที่นักลงทุนให้ความเชื่อมั่นอยู่"นายแพทย์กฤชรัตน์กล่าว

จับมือโปรขายหน่วย
 

นายพัชร กล่าวอีกว่า ในด้านช่องทางการจำหน่ายอีทีเอฟทองคำบริษัทได้ทำความรวมมือกับ ผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุน 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด และบริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจค้าทองคำของไทย เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้านอกจาการติดต่อผ่านสาขาของธนาคารกสิกรไทย

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่า ด้วยประสบการณ์อันยาวนานและชื่อเสียงที่สั่งสมในธุรกิจค้าทองคำของพันธมิตรทั้ง 3 บริษัท จะทำให้ลูกค้าจะได้รับคำแนะนำในการลงทุนทองคำจากผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำอย่างแท้จริง นอกจากนี้พันธมิตรทั้ง 3 แห่งจะยังช่วยเสริมสร้างสภาพคล่องเพื่อการซื้อขายกองทุน ETF ทองคำที่สะท้อนราคาใกล้เคียงราคาทองคำจริงที่สุด พร้อมทั้งนำทองคำของตนเองมาเก็บไว้ให้เสมือนลูกค้าได้ซื้อทองภายใต้แบรนด์ของบริษัทนั้นๆ อีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น