บลจ.ไอเอ็นจี เตรียมจ่ายปันผล2กองทุนอสังหาฯประจำไตรมาสที่ 2 โดยกองทุนสิทธิการเช่าอสังหาฯควอลิตี้ ฮอสพิทอลลิตี้ ปันผลในอัตราละ 0.20 บาท ขณะที่กองทุนสิทธิการเช่าอสังหาฯฟิวเจอร์พาร์คในอัตราละ 0.30 บาท นักลงทุนยิ้มรับพร้อมกันในวันที่ 31 สิงหาคมนี้
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ ฮอสพิทอลลิตี้ (QHOP) ประจำไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 เปลี่ยนแปลงลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 23.29 โดยกองทุนมียอดกำไรสุทธิประจำไตรมาส 2 ปี 2553 เป็นจำนวน 47.90 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.2504 บาท ขณะที่ประจำไตรมาส 2 ในปีนี้กองทุนมีกำไรสุทธิ 36.75 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.1921 บาท และผลการดำเนินงาน สำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 เปลี่ยนแปลงลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 38.94 โดยกองทุนมียอดกำไรสุทธิประจำงวด 6 เดือน ปี 2553 เป็นจำนวน 103.18 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.5393 บาท ขณะที่ประจำงวด 6 เดือนในปีนี้กองทุนมีกำไรสุทธิเพียง 63.00 ล้านบาท และมีกำไรสทุธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.3293
โดยสาเหตุที่กองทุนQHOP มีรายได้จากการประกันผลตอบแทนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ลดลง เนื่องจากในไตรมาส 2 ปี 2554 กองทุนมีรายได้จากการประกันผลตอบแทนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เป็นจำนวน 9.33 ล้านบาท ในขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2553 กองทุนมีรายได้จากการประกันผลตอบแทนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวน 35.12 ล้านบาท
สำหรับงวด 6 เดือน ปี 2554 กองทุนมีรายได้จากการประกันผลตอบแทนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เป็นจำนวน 19.54 ล้านบาท ในขณะที่ งวด 6 เดือนปี 2553 กองทุนมีรายได้จากการประกันผลตอบแทนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวน 41.03 ล้านบาท
ขณะเดียวกันกองทุนมีการว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระให้ทำการประเมินมูลค่าเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ซึ่งกองทุนได้ลงทุนไว้โดยผู้ประเมินราคาใช้วิธีพิจารณาจากรายได้ (Income Approach) และมีการปรับมูลค่าของเงินลงทุนดังกล่าวให้เป็นไปตามมูลค่ายุติธรรม และรับรู้กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งในไตรมาส 2 ปี 2554 กองทุนมีการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวลดลงจาก 1,882.20 ล้านบาท เป็น 1,880.30 ล้านบาท และกองทุนได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้อสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น เป็นจำนวน 0.93 ล้านบาท จึงรับรู้ขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนรวมเป็นจำนวน 2.83 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2553 กองทุนมีการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวลดลงจาก 1,860.70 ล้านบาท เป็น 1,847.60 ล้านบาท และกองทุนได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้อสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น เป็นจำนวน 1.63 ล้านบาท จึงรับรู้ขาดทุนสุทธิ
ที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนรวมเป็นจำนวน 14.73 ล้านบาท
ขณะที่งวด 6 เดือนปี 2554 กองทุนมีการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวลดลงจาก 1,894.00 ล้านบาท เป็น 1,880.30 ล้านบาท และกองทุนได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้อสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น เป็นจำนวน 2.34 ล้านบาท จึงรับรู้ขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนรวมเป็นจำนวน 16.04 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือน ปี 2553 กองทุนมีการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 1,838.50 ล้านบาท เป็น 1,847.60 ล้านบาท แต่กองทุนได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้อสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น เป็นจำนวน 5.41 ล้านบาท จึงรับรู้กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนรวมเป็นจำนวน 3.69 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบลจ.ไอเอ็นจี จะทำการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 13 จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2554 ถึง วันที่ 30มิถุนายน 2554 และกำไรสะสม ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.20 บาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 12 กันยายน 2554 และจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 31สิงหาคม 2554
รายงานข่าวจากบลจ.ไอเอ็นจี ระบุต่อว่า ส่วนผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2554 ถึง วันที่ 30มิถุนายน 2554 ของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์ค (FUTUREPF) มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 157.35 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.3324 บาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันในปี 2553 กองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 170.12 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.3594 บาท ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 กองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 338.85 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.716 บาท เทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนหน้ากองทุนมีกำไรอยู่ที่ 343.70 บาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.7262 บาท
โดยบลจ.ไอเอ็นจี จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 19 จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2554 ถึงวันที่ 30มิถุนายน 2554 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.30 บาท โดยบริษัทฯ กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 12 กันยายน 2554 และจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 31สิงหาคม 2554
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ ฮอสพิทอลลิตี้ (QHOP) ประจำไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 เปลี่ยนแปลงลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 23.29 โดยกองทุนมียอดกำไรสุทธิประจำไตรมาส 2 ปี 2553 เป็นจำนวน 47.90 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.2504 บาท ขณะที่ประจำไตรมาส 2 ในปีนี้กองทุนมีกำไรสุทธิ 36.75 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.1921 บาท และผลการดำเนินงาน สำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 เปลี่ยนแปลงลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 38.94 โดยกองทุนมียอดกำไรสุทธิประจำงวด 6 เดือน ปี 2553 เป็นจำนวน 103.18 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.5393 บาท ขณะที่ประจำงวด 6 เดือนในปีนี้กองทุนมีกำไรสุทธิเพียง 63.00 ล้านบาท และมีกำไรสทุธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.3293
โดยสาเหตุที่กองทุนQHOP มีรายได้จากการประกันผลตอบแทนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ลดลง เนื่องจากในไตรมาส 2 ปี 2554 กองทุนมีรายได้จากการประกันผลตอบแทนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เป็นจำนวน 9.33 ล้านบาท ในขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2553 กองทุนมีรายได้จากการประกันผลตอบแทนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวน 35.12 ล้านบาท
สำหรับงวด 6 เดือน ปี 2554 กองทุนมีรายได้จากการประกันผลตอบแทนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เป็นจำนวน 19.54 ล้านบาท ในขณะที่ งวด 6 เดือนปี 2553 กองทุนมีรายได้จากการประกันผลตอบแทนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวน 41.03 ล้านบาท
ขณะเดียวกันกองทุนมีการว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระให้ทำการประเมินมูลค่าเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ซึ่งกองทุนได้ลงทุนไว้โดยผู้ประเมินราคาใช้วิธีพิจารณาจากรายได้ (Income Approach) และมีการปรับมูลค่าของเงินลงทุนดังกล่าวให้เป็นไปตามมูลค่ายุติธรรม และรับรู้กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งในไตรมาส 2 ปี 2554 กองทุนมีการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวลดลงจาก 1,882.20 ล้านบาท เป็น 1,880.30 ล้านบาท และกองทุนได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้อสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น เป็นจำนวน 0.93 ล้านบาท จึงรับรู้ขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนรวมเป็นจำนวน 2.83 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2553 กองทุนมีการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวลดลงจาก 1,860.70 ล้านบาท เป็น 1,847.60 ล้านบาท และกองทุนได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้อสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น เป็นจำนวน 1.63 ล้านบาท จึงรับรู้ขาดทุนสุทธิ
ที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนรวมเป็นจำนวน 14.73 ล้านบาท
ขณะที่งวด 6 เดือนปี 2554 กองทุนมีการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวลดลงจาก 1,894.00 ล้านบาท เป็น 1,880.30 ล้านบาท และกองทุนได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้อสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น เป็นจำนวน 2.34 ล้านบาท จึงรับรู้ขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนรวมเป็นจำนวน 16.04 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือน ปี 2553 กองทุนมีการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 1,838.50 ล้านบาท เป็น 1,847.60 ล้านบาท แต่กองทุนได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้อสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น เป็นจำนวน 5.41 ล้านบาท จึงรับรู้กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนรวมเป็นจำนวน 3.69 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบลจ.ไอเอ็นจี จะทำการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 13 จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2554 ถึง วันที่ 30มิถุนายน 2554 และกำไรสะสม ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.20 บาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 12 กันยายน 2554 และจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 31สิงหาคม 2554
รายงานข่าวจากบลจ.ไอเอ็นจี ระบุต่อว่า ส่วนผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2554 ถึง วันที่ 30มิถุนายน 2554 ของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์ค (FUTUREPF) มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 157.35 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.3324 บาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันในปี 2553 กองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 170.12 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.3594 บาท ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 กองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 338.85 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.716 บาท เทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนหน้ากองทุนมีกำไรอยู่ที่ 343.70 บาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.7262 บาท
โดยบลจ.ไอเอ็นจี จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 19 จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2554 ถึงวันที่ 30มิถุนายน 2554 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.30 บาท โดยบริษัทฯ กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 12 กันยายน 2554 และจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 31สิงหาคม 2554