บลจ. ยูโอบี เผย "เอยูเอ็ม" ไตรมาสแรกยังโตกว่า 2,000 ล้าน หลังออกกองเทอมฟันด์ต่อ แม้ว่าแบงก์ต่างๆ ร่วมวงดึงเงินฝาก แนะ ถือบอนด์ระยะสั้น 3-6 เดือน และทองคำยังเป็นโอกาส คาดราคาจะวิ่งขึ้นระดับ 1,600 เหรียญฯ
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บลจ. ยูโอบี จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมากองทุนรวมของ บลจ. ยูโอบี ไม่ได้เติบโตขึ้นมากแต่อย่างใด เนื่องจากเงินลงทุนในกองทุนพันธบัตรเกาหลีที่ครบอายุนั้น ได้กลับเข้าไปอยู่ในเงินฝากของธนาคาร ซึ่งให้อัตราดอกเบี้ยที่สูง จึงทำให้บริษัทยังไม่ได้เติบโตขึ้นมาก รวมไปถึงอุตสาหกรรมกองทุนรวมที่ชะลอตัวลงมาด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงใหความสนใจลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 3 -6 เดือน ไม่เกิน 1 ปี ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งกองทุนประเภทเทอมฟันด์ยังขายดีอยู่ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาและทางบริษัทยังคงทยอยออกกองทุนประเภทเทอมฟันด์ต่อเนื่องตลอดทั้งปี เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดี จากแนงโน้มดอกเบี้ยที่ยังปรับขึ้นอีก
"ทิศทางของดอกเบี้ยที่ยังเป็นขาขึ้น ทำให้กองทุนตรสารหนี้ระยะสั้นอายุไม่เกิน 1 ปี ยังน่าสนใจ โดยบลจ.ยูโอบี มีกองทุนตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงอย่าง กองทุนเปิด ยูโอบี อินคัม เดลี และกองทุนประเภทเทอมฟันด์ที่ออกขายต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดหุ้นช่วงนี้ หากมีจังหวะที่ราคาปรับตัวลงมาก็เข้าเก็บได้ รวมไปถึงการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำ" นายวนา กล่าว
ทั้งนี้ในส่วนของทองคำนั้น บลจ. ยูโอบี มีกองทุนที่ลงทุนในทองคำทั้ง กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ และ กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ แอนด์ ไมน์นิ่ง อิควิตี้ ซึ่งตอนนี้ถือเป็นจังหวะที่ดีของการลงทุนในทองคำ เนื่องจากทองคำยังมีแนวโน้มขึ้นไปอีก จากปัจจัยต่างๆ ทั้ง เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่า รวมไปถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยทาง บลจ.ยูโอบี คาดการณ์ราคาทองคำไว้ว่า จะปรับขึ้นไปถึงระดับ 1,600 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ในช่วงระยะ 12 เดือน ข้างหน้า
นายวนา ยังกล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาบริษัทมี สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) อยู่ที่ 55,700 ล้านบาท เพิ่มมาจากปลายปี 2553 ประมาณ 2 พันล้านบาท โดยเม็ดเงินส่วนใหญ่ก็มาจากการลงทุนในกองทุนประเภทเทอมฟันด์ และกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ขณะเดียวกันเตรียมที่จะออกกองทุนประเภท ทาร์เก็ต รีเทร์น โดยกำลังรอดูจังหวะที่เหมาะเมื่อหุ้นปรับตัวลงมา
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บลจ. ยูโอบี จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมากองทุนรวมของ บลจ. ยูโอบี ไม่ได้เติบโตขึ้นมากแต่อย่างใด เนื่องจากเงินลงทุนในกองทุนพันธบัตรเกาหลีที่ครบอายุนั้น ได้กลับเข้าไปอยู่ในเงินฝากของธนาคาร ซึ่งให้อัตราดอกเบี้ยที่สูง จึงทำให้บริษัทยังไม่ได้เติบโตขึ้นมาก รวมไปถึงอุตสาหกรรมกองทุนรวมที่ชะลอตัวลงมาด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงใหความสนใจลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 3 -6 เดือน ไม่เกิน 1 ปี ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งกองทุนประเภทเทอมฟันด์ยังขายดีอยู่ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาและทางบริษัทยังคงทยอยออกกองทุนประเภทเทอมฟันด์ต่อเนื่องตลอดทั้งปี เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดี จากแนงโน้มดอกเบี้ยที่ยังปรับขึ้นอีก
"ทิศทางของดอกเบี้ยที่ยังเป็นขาขึ้น ทำให้กองทุนตรสารหนี้ระยะสั้นอายุไม่เกิน 1 ปี ยังน่าสนใจ โดยบลจ.ยูโอบี มีกองทุนตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงอย่าง กองทุนเปิด ยูโอบี อินคัม เดลี และกองทุนประเภทเทอมฟันด์ที่ออกขายต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดหุ้นช่วงนี้ หากมีจังหวะที่ราคาปรับตัวลงมาก็เข้าเก็บได้ รวมไปถึงการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำ" นายวนา กล่าว
ทั้งนี้ในส่วนของทองคำนั้น บลจ. ยูโอบี มีกองทุนที่ลงทุนในทองคำทั้ง กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ และ กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ แอนด์ ไมน์นิ่ง อิควิตี้ ซึ่งตอนนี้ถือเป็นจังหวะที่ดีของการลงทุนในทองคำ เนื่องจากทองคำยังมีแนวโน้มขึ้นไปอีก จากปัจจัยต่างๆ ทั้ง เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่า รวมไปถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยทาง บลจ.ยูโอบี คาดการณ์ราคาทองคำไว้ว่า จะปรับขึ้นไปถึงระดับ 1,600 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ในช่วงระยะ 12 เดือน ข้างหน้า
นายวนา ยังกล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาบริษัทมี สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) อยู่ที่ 55,700 ล้านบาท เพิ่มมาจากปลายปี 2553 ประมาณ 2 พันล้านบาท โดยเม็ดเงินส่วนใหญ่ก็มาจากการลงทุนในกองทุนประเภทเทอมฟันด์ และกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ขณะเดียวกันเตรียมที่จะออกกองทุนประเภท ทาร์เก็ต รีเทร์น โดยกำลังรอดูจังหวะที่เหมาะเมื่อหุ้นปรับตัวลงมา